"ส.อ.ท." ชี้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เปลี่ยนระบบการค้าโลก ไทยมีทั้งได้และเสีย
"ส.อ.ท." ชี้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนระบบการค้าโลก ห่วง 30 กลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวไม่ทันได้รับผลกระทบหนัก ชี้ไทยยังไม่จำเป็นมีกำแพงภาษี แต่ต้องมีมาตรการที่จริงจังในการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้านำเข้า
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในงานสัมมนา “ASEAN Economic Outlook 2025 : The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity” ช่วงเสวนา หัวข้อ Geopolitics in the Modern wOrld : Powers, Resources and Global Trade Wars จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนระบบการค้าโลกใหม่หมด โดยสหรัฐและยุโรปเริ่มมีการตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีน ซึ่งทำให้จีนที่เป็นฐานการผลิตของโลก ส่งออกสินค้าไปยังประเทศเหล่านี้ไม่ได้ เกิดเป็นภาวะผลิตสินค้าส่วนเกิน (Over Supply) และสินค้าเหล่านั้นจึงล้นเข้ามาในอาเซียน กลายเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีนแทนสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ล้นทะลักเข้ามาทำให้เอสเอ็มอี (SMEs) ไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในปี 2566 มี 22 กลุ่มอุตสาหกรรมที่พบว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และในปี 2567 หากยังไม่มีมาตรการรับมือที่ดีพอ จะทำให้สินค้าราคาถูกที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐานอาจได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นเป็น 30 กลุ่มอุตสาหกรรม และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
"ไทยอาจยังไม่จำเป็นต้องกำหนดมาตรการกำแพงภาษี แต่จะต้องมีมาตรการที่จริงจังในการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน ตรวจจับการลักลอบนำเข้า รวมทั้งการสำแดงเท็จ เพื่อชะลอการหลั่งไหลของสินค้าที่ทะลักเข้ามาได้บ้าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน"
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ในทุกวิกฤติก็ยังมีโอกาส สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรับตัวของผู้ประกอบการ ที่จะต้องมีกลยุทธ์ในการหาตลาดใหม่ ซึ่งหากปรับไม่ทันอุตสาหกรรมนั้นก็จะอ่อนแอลง
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปะทุขึ้นนำไปสู่ปัญหาราคาพลังงาน รวมไปถึงต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้สินค้าต่าง ๆ มีราคาเพิ่มขึ้น จากนั้นสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสที่ยังต้องจับตาว่าจะขยายวงกว้างขึ้นหรือไม่
อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีทั้งผลบวกและลบต่อไทยในเวลาเดียวกัน เริ่มแรกเมื่อเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ทำให้ไทยที่กำลังปรับตัวสู่โลกาภิวัตน์ (Globalization) ต้องเข้าใจเรื่องโลกแบ่งขั้ว (Decoupling) แทน
ส่วนสิ่งที่ตามมาคือซัพพลายเชนที่ได้รับผลกระทบว่าจะต้องเลือกผลิตด้วยเทคโนโลยีของฝั่งใคร และไทยจะยืนอยู่ตรงไหน เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากที่สุด
สำหรับการตั้งกำแพงกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนนั้น ทำให้สินค้าวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ไทยส่งออกไปจีน เพื่อผลิตและส่งออกไปสหรัฐได้รับผลกระทบ ในทางกลับกันสินค้าแบรนด์ไทย เช่น เครื่องปรับอากาศที่ส่งออกไปสหรัฐกลับขยายตัวเพิ่มขึ้น
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 7 ตุลาคม 2567