ทำไม เลือกตั้งสหรัฐฯ มีแค่ "เดโมแครต" และ "รีพับลิกัน"
เปิดมุมมองระบบเลือกตั้งสหรัฐ ทำไมอเมริกาจึงมีเพียง 2 พรรคการเมืองใหญ่ "เดโมแครต" และ "รีพับลิกัน" ในเกมการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งสหรัฐ2024 กำลังใกล้เข้ามา ประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้การแข่งขันสุดเชือดเฉือนระหว่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" จากพรรครีพับลิกัน และ "กมลา แฮร์ริส" จากพรรคเดโมแครต คือการที่สหรัฐฯ ยังคงมีพรรคการเมืองใหญ่เพียงสองพรรค ได้แก่ "พรรคเดโมแครต" และ "พรรครีพับลิกัน" แม้ว่าจะมีความพยายามจากพรรคที่สามหลายครั้งในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ระบบสองพรรคก็ยังคงครองอำนาจทางการเมืองของประเทศมาอย่างยาวนาน
ระบบสองพรรคใหญ่ของสหรัฐฯ มีรากฐานมาจากช่วงแรกของการก่อตั้งประเทศ โดยเริ่มจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม Federalists ที่สนับสนุนรัฐบาลกลางเข้มแข็ง และกลุ่ม Anti-Federalists ที่ต้องการให้อำนาจแก่รัฐบาลท้องถิ่นมากกว่า ความขัดแย้งนี้นำไปสู่การก่อตัวของพรรคการเมืองในเวลาต่อมา
ระบบการเลือกตั้งแบบ "ผู้ชนะได้หมด" :
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบสองพรรคยังคงอยู่คือระบบการเลือกตั้งแบบ "ผู้ชนะได้หมด" (Winner-take-all) ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ระบบนี้ทำให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดในแต่ละรัฐจะได้รับคะแนนเสียงจาก คณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ของรัฐนั้นทั้งหมด ส่งผลให้พรรคเล็กมีโอกาสน้อยมากที่จะชนะการเลือกตั้ง
อีกทั้งยังมีกฎหมายและข้อบังคับที่เอื้อต่อพรรคใหญ่ โดยกฎหมายและข้อบังคับในหลายรัฐมักเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใหญ่ เช่น การกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำของคะแนนเสียงที่จะได้รับการบรรจุชื่อในบัตรเลือกตั้ง หรือการจัดสรรเงินทุนสนับสนุนการหาเสียง ทำให้พรรคเล็กมีอุปสรรคในการแข่งขัน
รวมถึงโครงสร้างการปกครองของสหรัฐฯ ที่แบ่งเป็นระดับสหพันธรัฐและระดับรัฐ ทำให้พรรคการเมืองต้องมีเครือข่ายและทรัพยากรมหาศาลในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับพรรคเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากอิทธิพลของสื่อและการระดมทุน พรรคใหญ่มักได้เปรียบในแง่ของการเข้าถึงสื่อและความสามารถในการระดมทุน ทำให้มีโอกาสในการสื่อสารนโยบายและสร้างฐานเสียงได้มากกว่า ในขณะที่พรรคเล็กมักประสบปัญหาในการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
ประชาชนอเมริกันส่วนใหญ่คุ้นเคยกับระบบสองพรรค และมักมองว่าการลงคะแนนให้พรรคที่สามเป็นการ "เสียคะแนน" เนื่องจากโอกาสชนะมีน้อย ทำให้เกิดวงจรที่ทำให้พรรคเล็กยากที่จะเติบโต
พรรคเล็กมักมีฐานเสียงที่จำกัดและกระจัดกระจาย ทำให้ยากที่จะสร้างแรงสนับสนุนที่มากพอจะแข่งขันกับพรรคใหญ่ได้ ในขณะที่พรรคใหญ่มีฐานเสียงที่มั่นคงและกว้างขวางกว่า
และระบบการเลือกตั้งขั้นต้นของสหรัฐฯ ยังเปิดโอกาสให้ผู้สมัครที่มีแนวคิดหลากหลายสามารถแข่งขันภายในพรรคใหญ่ได้ ทำให้ความต้องการในการสร้างพรรคที่สามลดลง เพราะสามารถผลักดันนโยบายผ่านการแข่งขันในพรรคใหญ่ได้
การเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ที่กำลังจะมาถึง แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้มีทางเลือกนอกเหนือจากสองพรรคใหญ่ แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้โอกาสที่จะเห็นพรรคที่สามขึ้นมามีบทบาทสำคัญยังคงเป็นไปได้ยาก ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกัน
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 2 ตุลาคม 2567