เที่ยวไทยคนละครึ่ง จ่อปรับเงื่อนไขใหม่ กำหนดให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิท่องเที่ยวได้เฉพาะ วันจันทร์-ศุกร์เท่านั้น หากต้องการเข้าพักในคืนวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ผู้ใช้สิทธิต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

 

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เพื่อสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านการสมทบค่าใช้จ่ายจากรัฐบาล 50% ส่วนอีก 50% ประชาชนออกเองนั้น

 

ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบโครงการที่เหมาะสม ว่าจะเป็นการสมทบเงินใช้จ่ายในการจองโรงแรมที่พัก 50% เท่ากันทั่วประเทศ หรือแบ่งใช้เป็นเมืองหลัก และเมืองน่าเที่ยวโดยมีรูปแบบเบื้องต้น ได้แก่ แนวทางที่ 1 กำหนดสัดส่วนการใช้สิทธิระหว่างเมืองหลักกับเมืองรองที่ 5 ต่อ 5 สิทธิ พักเมืองหลักและเมืองรองได้อย่างละ 5 คืน

 

แนวทางที่ 2 กำหนดสัดส่วนการใช้สิทธิระหว่างเมืองหลักกับเมืองรองที่ 4 ต่อ 6 สิทธิ เป็นพักเมืองหลัก 4 คืน เมืองรอง 6 คืน

 

ซึ่งยังต้องรอข้อสรุปอย่างเป็นทางการ “ความคืบหน้าของโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความเห็นจากสำนักงบประมาณ แต่พอเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา จำเป็นต้องนำเข้ามาใช้เป็นข้อพิจารณาของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์และวิพากษ์อย่างครบถ้วน แต่ยืนยันเพื่อความสบายใจต่อประชาชนว่า โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวนี้จะเกิดขึ้น เพื่อให้มีการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ตามที่กำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการไว้แต่เดิมแน่นอน” นายจักรพล กล่าว

 

นายจักรพล กล่าวว่า จากการหารือล่าสุดเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขใช้สิทธิโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง รัฐบาลจะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว 50% ประชาชนจ่ายเอง 50% สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ทั้งเมืองหลัก 22 จังหวัดและเมืองรอง หรือเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัดตามชื่อโครงการ

 

โดยจะมีการพิจารณาปรับเงื่อนไขใหม่ กำหนดให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิโครงการนี้เพื่อท่องเที่ยวได้เฉพาะวันธรรมดา (Weekday) ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์เท่านั้น เช่นหากเข้าพักโรงแรมคืนวันศุกร์ ก็สามารถใช้สิทธิต่อเนื่องในวันเสาร์ได้ แต่จะไม่สามารถใช้สิทธิเข้าพักคืนวันเสาร์และวันอาทิตย์ได้ หากประชาชนต้องการเข้าพักในคืนวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาเช่นกันว่าจะกำหนดให้ กลุ่มข้าราชการสามารถใช้สิทธิโครงการนี้ เพื่อกระตุ้นให้เที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วย (Workation) ได้ด้วยหรือไม่

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

วันที่ 4 เมษายน 2568