APEC เตือนการค้าเอเชียแปซิฟิกชะลอตัวหนัก เหตุพิษภาษีสหรัฐฯ
APEC ส่งสัญญาณการค้าเอเชีย-แปซิฟิกโตแค่ 0.4% ปีนี้ หลังสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษี กระทบส่งออก-บริการทั่ววงกว้าง ขณะแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคเริ่มอ่อนแรง
เวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ส่งสัญญาณเตือนการค้าภูมิภาคกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก หลังจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ฉุดการส่งออกของสมาชิกทั้ง 21 ประเทศให้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนในปีนี้ พร้อมลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคลงจาก 3.3% เหลือเพียง 2.6% ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังคงปกคลุมบรรยากาศการค้าโลก
รายงานวิเคราะห์ของ APEC ซึ่งเผยแพร่ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีด้านการค้าของสมาชิกที่จัดขึ้นบนเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ ระบุว่า การส่งออกของภูมิภาคจะเติบโตเพียง 0.4% ในปี 2025 ลดฮวบจากระดับ 5.7% ในปีก่อนหน้า โดย APEC ให้เหตุผลว่าเกิดจากอุปสงค์ภายนอกที่อ่อนแรง โดยเฉพาะในภาคการผลิตและสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกัน ภาคบริการก็ถูกกระทบจากมาตรการด้านการค้าสินค้าที่ไม่แน่นอนมากขึ้น
ภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ที่พุ่งเป้าโจมตีกลุ่มประเทศสมาชิก APEC มากกว่าครึ่ง ได้กลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้แนวโน้มการค้าในภูมิภาคที่มีสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของการค้าโลก และสร้าง GDP โลกกว่า 60% ต้องสะดุดลง แม้อัตราภาษีเฉลี่ยของ APEC เคยลดลงจาก 17% เมื่อปี 1989 เหลือเพียง 5.3% ในปี 2021 และเคยทำให้การค้าสินค้าทั่วภูมิภาคเติบโตถึง 9 เท่าในช่วงกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่แรงกระแทกจากนโยบายกีดกันทางการค้าที่กลับมาอีกครั้งได้บั่นทอนความเชื่อมั่น และกระทบห่วงโซ่อุปทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ ก่อนถึงการประชุมผู้นำ APEC ที่จะจัดขึ้นปลายปีนี้ที่เมืองคย็องจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีรัฐมนตรีและทูตด้านการค้าจากหลายประเทศร่วมถกทิศทางความร่วมมือ อาทิ ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก รัสเซีย รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ และจีนที่ต่างมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตการค้าโลก
หนึ่งในไฮไลต์ของการประชุมคือ การพบกันนอกรอบระหว่างตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ เจมีสัน เกรียร์ และทูตการค้าจีน หลี่ เฉิงกัง ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกหลังทั้งสองฝ่ายเพิ่งเจรจาแบบพบหน้ากันครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่นครเจนีวาเมื่อวันที่ 10-11 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดภาษีที่สูงลิ่วระหว่างกัน ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าที่สะสมมาหลายปี
เกรียร์ยังมีกำหนดหารือแบบทวิภาคีกับรัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้ และพบกับตัวแทนจากนิวซีแลนด์ รวมถึงอีกหลายประเทศในเอเชีย เพื่อเร่งผลักดันการเจรจาความร่วมมือทางการค้าให้เดินหน้าต่อไป โดยเขากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ CNBC ก่อนเดินทางว่า “เรากำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดกับประเทศที่พร้อมก้าวไปด้วยกัน”
ในระหว่างการเยือนเชจู เกรียร์ยังมีกำหนดพบกับผู้บริหารของสองยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมต่อเรือของเกาหลีใต้อย่าง HD Hyundai Heavy Industries และ Hanwha Ocean เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้-สหรัฐฯ ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตในระยะยาว
ในเวทีเปิดประชุม รัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้ ชอง อิน-คโย ในฐานะเจ้าภาพ ได้กล่าวเน้นถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจและการค้าที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนจากทั้งการเมืองและเศรษฐกิจโลก พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกเร่งฟื้นบทบาทของ APEC ในการเป็นเวทีส่งเสริมการเจรจาและความร่วมมือพหุภาคี
ด้านคาร์ลอส คูริยามะ ผู้อำนวยการนโยบายของ APEC กล่าวเสริมว่า ภาษีของสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการค้าสินค้าเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปสู่การค้าบริการและตลาดการเงิน ซึ่งอาจมีผลกระทบยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ โดยเขาชี้ว่า “เรายังไม่เห็นการฟื้นตัวของการค้าให้กลับมาอยู่ในระดับก่อนต้นเดือนเมษายนเลยด้วยซ้ำ”
ในขณะเดียวกัน การประชุมยังได้หารือแนวทางการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายบริหารของทรัมป์ว่าเป็นองค์กรที่เปิดทางให้จีนได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรมในเวทีการค้าโลก และเพิ่งถูกสหรัฐฯ ระงับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุน
ในอีกด้านหนึ่ง จีนยังยืนยันจุดยืนในการสนับสนุนระบบการค้าเสรีพหุภาคีและห่วงโซ่อุปทานโลก โดยทูตการค้าจีนหลี่ เผยระหว่างการพบกับรัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้ว่า ปักกิ่งพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการประคับประคองเสถียรภาพของระบบการค้าโลก ท่ามกลางภาวะที่แต่ละประเทศต่างหันไปใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากันมากขึ้น
การประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งนี้ถือเป็นรอบที่สองของการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญทั้งต่อการค้าโลกและเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศในอนาคต
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 15 พฤษภาคม 2568