คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

 

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) กระบอกเสียงใหญ่ของรัฐบาลจีนได้ตีพิมพ์บทความหนึ่งที่สะท้อนภาพความสำเร็จในการพัฒนาใน 10 ด้านในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไว้อย่างน่าสนใจ  

 

แม้ว่าบทความนี้จะมิได้มุ่งเป้าเพื่อการเชียร์ สี จิ้นผิง โดยตรง แต่สำหรับผมแล้ว ข้อมูลดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงเทอม 1 และ 2 ของการดำรงตำแหน่งผู้นำของ สี จิ้นผิง ได้เป็นอย่างดี และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านจึงได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางให้ต่อวาระ 3 ระหว่างปี 2012-2022 ซึ่งอาจกล่าวว่า เป็นช่วงเวลาที่จีนเติบใหญ่ภายใต้การนำของ สี จิ้นผิง ได้สร้างหน้าใหม่ของการนำจีนกลับมาสู่ความกระชุ่มกระชวยอีกระดับหนึ่ง

 

โดยนับแต่การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อ 10 ปีก่อน สี จิ้นผิง ได้ก้าวขึ้นมาเป็น “ศูนย์กลาง” ของความสามัคคีของประชาชนในทุกกลุ่ม การดำเนินมาตรการเชิงยุทธ์ที่นำไปสู่การปรับโครงสร้างอย่างเป็นรูปธรรม ความสำเร็จในด้านนวัตกรรมและอื่นๆ และส่งเสริมให้พรรคฯ และประเทศบรรลุเป้าหมายครั้งใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

 

ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของจีนในช่วงที่ผ่านมา ได้นำไปสู่โครงการแล้วโครงการเล่า และนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของจีนยุคใหม่ เราไปไล่เรียงความสำเร็จทั้ง 10 มิติกันครับ ... 

 

(1)ความสูงของจีน (China Height) 

นี่เป็นการไต่ไปสู่หนึ่งใน “ความฝันของจีน” โดยเมื่อเดือนเมษายน 2020 ทีมวิศวกรและนักไต่ภูเขาชาวจีนจำนวน 40 คน ได้ออกเดินทางจากแค้มป์ฐานของเทือกเขาเอเวอร์เรสต์ (The Everest Base Camp) ที่ระดับความสูง 5,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล พร้อมด้วยจามรี 46 ตัวที่เป็นพาหนะในการช่วยขนเครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์ก่อสร้าง และอื่นๆ จำนวนรวมเกือบ 8 ตันผ่านเสร้างภูเขาน้ำแข็ง (Glacier Mountain Road)  

 

และในวันที่ 30 เมษายน ทีมงานก็ประสบความสำเร็จในการติดตั้งและเริ่มทดลองใช้สถานีฐาน 5G ที่ระดับความสูง 6,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งทำลายสถิติโลกที่ทีมงานเคยทำไว้ที่ระดับ 5,300 เมตร และ 5,800 เมตรก่อนหน้านี้ 

 

หลังเสร็จสิ้นภารกิจติดตั้งสถานีฐานของระบบ 5G ที่หลังคาของโลกดังกล่าวแล้ว ทีมงานยังเดินทางต่อไปปักธงชาติจีนหลังพิชิตจุดสูงสุดของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกที่ระดับ 8,848.86 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2020 

 

จีนยังพิชิตความสูงผ่านหลายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ รถไฟระบบไฟฟ้าลาหลิน (Lalin Railway) ที่ก่อสร้างในมาตรฐานรถไฟความเร็วสูง รถไฟสายนี้ให้บริการที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงระหว่างเมืองลาซา-หลินจือในเขตปกครองตนเองทิเบต โดยแล่นผ่านที่ราบสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี ณ ระดับ 3,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้รถไฟสายนี้ทำสถิติสูงที่สุดในโลก  

 

 

ผู้อ่านท่านใดที่อยากทดลองขึ้นรถไฟขบวนนี้ ก็อาจบินไปลงที่สนามบินในนครฉงชิ่ง หรือ เฉิงตู (มณฑลเสฉวน) และเดินทางต่อไปที่สถานีรถไฟหลักในเมืองดังกล่าวที่รถไฟขบวนนี้แล่นผ่านก็ได้ แต่ถ้าอยากไปสัมผัสสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในโลก ก็ต้องไปสถานีรถไฟถังกู่ลา (Tanggula) ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาถังกู่ลาระหว่างชิงไห่-ทิเบตที่มีระดับความสูงถึง 5,068 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

 

นอกจากนี้ จีนยังสร้างความตื่นตะลึงชนิดต้อง “แหงนคอ” ในอีกหลายสิ่ง โดยจีนได้โชว์ฝีมือด้านวิศวกรรมการก่อสร้างเอาไว้มากมาย อาทิ การก่อสร้างสนามบิน “ชื่อชวนเต้าเฉิงหย่าติง” (Sichuan Daocheng Yading Airport) ที่สูง 4,411 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งนับเป็นสนามบินพลเรือนที่สูงที่สุดในโลก และสถานีเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าหยางอี้ (Yangyi) ในทิเบตที่มีความสูง 4,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล 

 

ในด้านเศรษฐกิจ แม้ว่าตัวเลขของปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีของจีนก็เพิ่มจาก 53.9 ล้านล้านหยวนเป็น 114.4 ล้านล้านหยวนในปัจจุบัน ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวก็เพิ่มจาก 6,300 เหรียญสหรัฐฯ เป็นมากกว่า 12,000 เหรียญสหรัฐฯ โดยมีอิทธิพลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถึงมากกว่า 30% ในหลายปีหลัง และผมเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจีนยังจะเติบโตอีกมากในอนาคต (อ่านต่อตอนต่อไป) 

 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ 27 ตุลาคม 2565