"นิวยอร์ก" ขึ้นแท่นศูนย์กลางการเงินอันดับหนึ่งโลก ร่วมกับลอนดอน
ซิตี ออฟ ลอนดอน คอร์เปอเรชัน (the City of London Corporation) หน่วยงานกำกับดูแลย่านธุรกิจการเงินของกรุงลอนดอน กล่าวเมื่อวันที่ 30 มีนาคมว่า กรุงลอนดอนได้สูญเสียตำแหน่งผู้นำเมืองศูนย์กลางทางการเงินเพียงหนึ่งเดียวของโลกไปแล้ว หลังจากที่มหานครนิวยอร์กพุ่งทะยานจากอันดับที่ 2 ขึ้นมาครองตำแหน่งศูนย์กลางทางการเงินอันดับ 1 ร่วมกับเมืองหลวงของอังกฤษ จากการมีการขึ้นทะเบียนบริษัทในสหรัฐอเมริกามากขึ้น
ดยแบบสำรวจประจำปีของหน่วยงานดังกล่าว ที่เปรียบเทียบสมรรถนะของศูนย์กลางทางการเงินหลายแห่งทั่วโลกระบุว่า กรุงลอนดอนมีคะแนนความสามารถในการแข่งขันอยู่ที่ 60 แต้ม สูงขึ้นจากเมื่อปี 2022 ซึ่งเดิมอยู่ที่ 59 ขณะที่มหานครนิวยอร์กก็มีคะแนนความสามารถในการแข่งขันอยู่ที่ 60 เช่นกัน ตามมาด้วยสิงคโปร์ในอันดับที่ 3 ด้วยคะแนน 51 แต้ม เมืองแฟรงก์เฟิร์ตในอันดับที่ 4 ด้วยคะแนน 46 แต้ม และกรุงปารีสในอันดับที่ 5 ด้วยคะแนน 43 แต้ม ส่วนกรุงโตเกียวรั้งอันดับที่ 6 ด้วยคะแนน 35 แต้ม
ซิตี ออฟ ลอนดอน คอร์เปอเรชัน กล่าวว่า อังกฤษจะยังคงสร้างความแข็งแกร่งที่มีมาอย่างยาวนานในฐานะศูนย์กลางทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในด้านตราสารหนี้ระหว่างประเทศ ประกันภัยสินเชื่อทางการค้า และการซื้อขายเงินตราระหว่างประเทศ รวมถึงศูนย์กลางการจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 อีกด้วย
อย่างไรก็ดี จำนวนบริษัทระหว่างประเทศที่จดทะเบียนในกรุงลอนดอนกำลังลดลงในปัจจุบัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ภาคการเงินในอังกฤษเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎทางการเงินที่รวดเร็วขึ้น เพื่อหนุนเสริมความสามารถในการแข่งขันของเมือง หลังจากที่เบร็กซิทได้ส่งผลกระทบต่อลอนดอน ในการแข่งขันกับศูนย์กลางทางการเงินยุโรปอื่นๆ เช่น อัมสเตอร์ดัม ปารีส และแฟรงก์เฟิร์ต
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 30 มีนาคม 2566