โรงพยาบาล ก็อั้นไม่ไหว!! จ่อปรับ "ขึ้นค่ารักษา" ตามค่าไฟ-ค่าแรง
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายแพทย์นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร ผู้อํานวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เปิดเผยว่า จากค่าเอฟทีที่ปรับขึ้นรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ส่งผลกระทบต่อค่าไฟในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 10-20% เพราะโรงพยาบาลต้องใช้ไฟตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสมิติเวชได้ปรับค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลอีก 3% เพราะไม่ใช่แค่ค่าไฟที่แพงขึ้น ยังมีค่าอื่นๆ ที่ปรับขึ้น เช่น เงินเดือน ค่ายา
จี้รัฐบาลปรับลดค่าไฟลงอีก :
นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าวว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดค่าไฟ ทางโรงพยาบาลได้ลงทุนระบบควบคุมการใช้ไฟฟ้าในห้องพักคนไข้ใหม่ด้วยระบบไอโอที ซึ่งช่วยประหยัดได้ 20-30% ทำให้พอสู้กับค่าไฟแพงได้ อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐบาลลดค่าเอฟทีลงอีก แม้ในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้จะอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ยังถือว่าสูงอยู่ เพราะค่าไฟเป็นต้นทุนพื้นฐานของคนทุกกลุ่ม
“ค่ารักษาพยาบาลเราไม่ขึ้นก็ไม่ได้ เพราะต้นทุนต่างๆ สูงขึ้นมาก แต่ถือว่าเราขึ้นน้อยที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆ เราจะพยายามตรึงค่ารักษาไว้ให้นานที่สุด แต่ไม่รับปาก 100% ว่าจะไม่ขึ้นค่าการรักษาอีก เพราะไม่ใช่ค่าไฟอย่างเดียว ยังมีค่าแรง ค่ายาอีก ปัจจุบันเรามีคนไข้เข้ามาใช้บริการวันละ 2,000-2,500 คน เป็นคนไทย 55% ต่างชาติ 45% เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนคนจีนยังไม่มาก เพราะเพิ่งเปิดประเทศและเริ่มเข้ามาใช้บริการ” นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าว
ไม่หวังเลือกตั้งจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น :
นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งยังมองไม่ออกว่าเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศจะไปในทิศทางไหน จะดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าปัจจุบันที่เศรษฐกิจไม่ดีอยู่แล้ว เนื่องจากดูนโยบายของแต่ละพรรคแล้วล้วนขายฝันทั้งนั้น
“ส่วนตัวมองว่าใครก็ได้ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อมาช่วยทำให้บ้านเมือง เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้จริง และลดปัญหาการคอร์รัปชั่น เรื่องแรกที่อยากเห็นหลังมีรัฐบาลใหม่คือแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ทำยังไงก็ได้ให้เศรษฐกิจเสถียร คนรากหญ้าลืมตาอ้าปากได้ สิ่งสำคัญรัฐบาลไม่ควรจะมีนโยบายแจกเงินอีก แต่ต้องหาวิธีการทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม เช่น ให้การส่งเสริมวิชาชีพ และการศึกษา เป็นต้น” นายแพทย์นิธิวัฒน์กล่าว
‘ยันฮี’ ตรึงค่ารักษาได้อีก 6 เดือน :
นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลได้รับผลกระทบจากค่าไฟแพง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 10-20% จากปกติจ่ายค่าไฟประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากโรงพยาบาลต้องเปิดบริการ 24 ชัวโมง ทั้งนี้เพื่อลดภาระคนไข้ ทางโรงพยาบาลจะยังไม่ขึ้นค่ารักษาพยาบาลในขณะนี้ โดยรอดูสถานการณ์อีกอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อประเมินสภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งจากค่าต่างๆ ทั้งค่าไฟ เงินเดือน แต่ถึงจุดหนึ่งเมื่อรับภาระต้นทุนไม่ไหวก็คงต้องปรับขึ้น เพราะโรงพยาบาลไม่ได้ปรับค่ารักษาพยาบาลมา 5 ปีแล้ว และจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทางโรงพยาบาลได้ปรับกลยุทธ์โดยออกรายการรักษาใหม่ที่ราคาสูงขึ้นกว่าเดิม โดยคิดค่ารักษาตามสัดส่วนค่าบริการ ค่าต่างๆ และกำไรที่เพิ่มขึ้น 20-30%
‘ต่างชาติ’ แห่บินศัลยกรรม :
“ตอนนี้คนไข้มาใช้บริการวันละ 1,200-1,300 คน ยังไม่กลับไปเท่าปีก่อนโควิดที่มีคนไข้วันละ 2,000 คน แต่เริ่มดีขึ้นกว่าช่วงโควิดที่คนไข้เหลือวันละ 500 คน ซึ่งคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการยังเป็นคนไทย 90% อีก 10% เป็นต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นเวียดนาม พม่า ลาว และจีน มาทำศัลยกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก หน้าอก แปลงเพศ ส่วนจีนเพิ่งเริ่มเข้ามาได้ 1 เดือน ยังไม่มากอยู่ที่วันละ 10-20 คน” นายแพทย์สุพจน์กล่าว
‘สินแพทย์’ลั่นตรึงให้นานที่สุด :
นายสิทธิ ภาณุพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท สินแพทย์ จำกัด ผู้บริหารโรงพยาบาลสินแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 7 แห่ง ยังไม่ปรับค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากค่าไฟเพิ่มขึ้น 30% หรือ 4-5 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมจ่ายอยู่ 10 กว่าล้านบาทต่อเดือน รวมถึงค่ายาที่ปรับขึ้น 3%และค่าแรงที่ปรับเงินเดือนให้พนักงานปีละ 3-5% โดยโรงพยาบาลพยายามประคับประคองไว้ให้นานที่สุด เนื่องจากลูกค้าไม่ได้เป็นกลุ่มระดับบน การจะขึ้นค่ารักษาก็ค่อนข้างจะลำบากในภาวะแบบนี้
“เราอยู่ระหว่างพิจารณาต้นทุนและสภาวะตลาดว่าจะต้องปรับขึ้นหรือไม่ เพราะของเราไม่ใช่ระดับไฮเอนด์ อะไรที่เราเซฟได้ เราก็เซฟ หากจะปรับก็คงไม่เกิน 3% ตามมาตรฐานของตลาด และเราเริ่มติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟไปบ้างแล้วด้วย” นายสิทธิกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 1 พฤษภาคม 2566