รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีของเวียดนามอนุมัติแผนพลังงานสำหรับทศวรรษนี้ ที่ต้องการเงินทุน 134,700 ล้านดอลลาร์ สำหรับโรงงานไฟฟ้าและโครงข่ายไฟฟ้าใหม่ รัฐบาลเวียดนามระบุค่ำวานนี้ (15) ในความเคลื่อนไหวที่อาจช่วยปลดล็อกการลงทุนจากต่างชาติหลายพันล้านดอลลาร์

 

แผนการด้านพลังงานที่รู้จักในชื่อ PDP8 มีเป้าหมายที่จะรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ในขณะที่ประเทศเริ่มเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาถ่านหินอย่างหนักในปัจจุบันไปสู่การเป็นกลางทางคาร์บอนในช่วงกลางศตวรรษนี้

 

ท่ามกลางความขัดแย้งภายในและความซับซ้อนในการทำงานเพื่อปฏิรูป ทำให้แผนการด้านพลังงานดังกล่าวล่าช้ามากว่า 2 ปี และผ่านการร่างแผนมาแล้วหลายสิบฉบับก่อนที่จะได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ที่ยังจำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐสภาอีกครั้ง ที่อาจเกิดขึ้นในเดือนนี้

 

แผนดังกล่าวมีความสำคัญต่อการปลดล็อกการลงทุนเบื้องต้นมูลค่า 15,500 ล้านดอลลาร์ ในกองทุนเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่กลุ่ม G7 และบรรดาประเทศมั่งคั่งต่างๆ ได้ให้คำมั่นไว้กับเวียดนามในเดือน ธ.ค. โดยครึ่งหนึ่งของทุนจะมาจากภาครัฐ และอีกครึ่งมาจากนักลงทุนเอกชน

 

หลังจากข้อตกลงดังกล่าว เจ้าหน้าที่หลายคนเผยกับรอยเตอร์ว่า คณะผู้เจรจาได้พยายามมานานหลายเดือนเพื่อให้เกิดความคืบหน้าในการทำงานเบื้องต้นเพื่อจัดสรรเงินทุน ขณะที่เจ้าหน้าที่เวียดนามยังคงนิ่งเฉยที่จะรับเงินกู้ ที่เป็นองค์ประกอบใหญ่ที่สุดของกองทุนสาธารณะที่ได้สัญญาไว้

 

นักการทูตคนหนึ่งจากกลุ่มผู้บริจาค G7 กล่าวกับรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร (16) ว่า การอนุมัติที่เกิดขึ้นถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นต่อการปลดล็อกเงินทุนสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการกังหันลมนอกชายฝั่ง แต่อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ยังไม่ตรงตามเป้าหมายที่กลุ่ม G7 ตั้งไว้ เนื่องจากเวียดนามยังจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาพลังงานจากถ่านหินเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษนี้ 

 

เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยการเลิกใช้ถ่านหินทั้งหมดภายในปี 2593 รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เงินมากถึง 658,000 ล้านดอลลาร์ โดยหนึ่งใน 5 ของเงินทุนดังกล่าวจะต้องเบิกจ่ายในทศวรรษนี้

 

กระทรวงอุตสาหกรรมที่จัดเตรียมเอกสาร ระบุในคำแถลงว่า ภายใต้แผนดังกล่าว อาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยครึ่งหนึ่งในเวียดนามจะใช้พลังงานจากแผงโซลาร์บนหลังคาภายในปี 2573 และยังตั้งเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานสีเขียวเพื่อส่งออกราว 5-10 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 อีกด้วย

 

แต่คำแถลงไม่ได้ให้รายละเอียดทั้งหมดของแผน 

 

ร่างแผนพลังงาน PDP8 ที่ลงวันที่ 10 พ.ค. ยังระบุว่าประเทศจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าขึ้นเป็น 2 เท่า ที่ 158 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 จาก 69 กิกะวัตต์เมื่อสิ้นปี 2563 

 

โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซในประเทศและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้าจะยังเป็นแหล่งผลิตพลังงานหลักของประเทศภายในปี 2573 โดยมีสัดส่วนการผลิตอยู่ที่ 37.33 กิกะวัตต์ หรือ 23.6% ถ่านหิน 19% ตามด้วยพลังงานน้ำ 18.5% พลังงานลม 17.6% และพลังงานแสงอาทิตย์ 13% ตามร่างแผนพลังงาน

 

ทั้งนี้ กระทรวงไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องของรอยเตอร์เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างแผนพลังงานดังกล่าว

 

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

วันที่ 16 พฤษภาคม 2566