สภาแห่งชาติตรวจสอบในระดับสูงสุดเกี่ยวกับการใช้แหล่งพลังต่างๆในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
การระดม การบริหารและการใช้แหล่งพลังเพื่อสนับสนุนการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การปฏิบัตินโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นและสาธารณสุขป้องกันคือเนื้อหาที่สภาแห่งชาติได้อภิปรายในวันที่ 29 พฤษภาคมในกรอบการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 5 สมัยที่ 15 นี่คือเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและผู้แทนสภาแห่งชาติ
รายงานตรวจสอบของคณะกรรมาธิการด้านสังคมของสภาแห่งชาติระบุว่า ในช่วงปี 2020-2022 เวียดนามได้ระดมเงินประมาณ 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนงานด้านการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปฏิบัตินโยบายสวัสดิการสังคม และรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เกือบ 260 ล้านโดส อาสาสมัคร โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและกองกำลังติดอาวุธนับล้านคนได้เข้าร่วมงานด้านนี้ในท้องถิ่นที่เกิดการระบาด ประชาชนทุกภาคส่วน สถานประกอบการ รัฐบาลประเทศต่างๆและองค์การระหว่างได้เข้าร่วมการปฏิบัติงานนี้โดยตรงและมีส่วนร่วมในรูปแบบที่หลากหลาย
การตรวจสอบได้แสดงให้เห็นว่า งานด้านการบริหาร การใช้ การชำระเงินสำหรับการปฏิบัติงานด้านดังกล่าวได้ช่วยเหลือประชาชน ผู้ใช้แรงงานและธุรกิจครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แหล่งพลังนี้ยังถูกใช้เพื่อซื้อวัคซีน สนับสนุนการวิจัย การทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 การซื้อชุดตรวจโควิด-19 อุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์ ยา ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ การใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 สนับสนุนการก่อสร้างใหม่ การซ่อมแซมและปรับปรุงสถานที่รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 และโรงพยาบาลสนาม
ด้วยความพยายามดังกล่าว การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวียดนามจึงได้รับการควบคุม นาย เหงียนเลินเฮี้ยวผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดบิ่งดิ่งห์ แสดงความเห็นว่า ควรพิจารณาประกาศการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในเวียดนามได้สิ้นสุดลงแล้ว“อัตราผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักอยู่ในระดับต่ำมากและอัตราผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนในเวียดนามอยู่ในระดับสูง
โดยเวียดนามได้ทำการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปครบ 2 เข็ม รวม 266 ล้านโดส และได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้แก่ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในโลกได้ลดลง เมื่อต้นเดือนนี้ องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ประกาศให้ โควิด-19 ไม่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลกอีกต่อไป
ซึ่งเป็นเงื่อนไขขั้นพื้นฐานและจำเป็นเพื่อให้เวียดนามประกาศให้โควิด-19เปลี่ยนจากกลุ่มโรคอันตรายที่มีการแพร่เชื้อในระดับสูง แพร่กระจายในวงกว้างและอัตราการเสียชีวิตสูง มาอยู่ในกลุ่มโรคติดต่ออันตรายที่สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วซึ่งอาจทำให้เสียชีวิต”
ในการอภิปราย บรรดาผู้แทนสภาห่งชาติได้ชื่นชมความร่วมแรงร่วมใจของประชาชน บุคคลและองค์กรที่ได้มีส่วนร่วมต่อการป้องกันและควบคุมโควิด-19 และยืนยันว่า กิจกรรมนี้มีความหมายอันสูงส่ง แสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งความสามัคคีประชาชาติ เป็นความรับผิดชอบของพลเมืองต่อประเทศซึ่งต้องได้รับการยกย่องสดุดี
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 29 พฤษภาคม 2566