เช้าวันที่ 31 พฤษภาคม สภาแห่งชาติได้เริ่มทำการประชุม ณ อาคารสภาแห่งชาติเป็นเวลา 2 วันเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจสังคม

 

นอกจากให้ความสนใจถึงมาตรการแก้ไขอุปสรรคให้แก่เศรษฐกิจแล้ว ผู้แทนสภาแห่งชาติหลายคนยังให้ความสนใจถึงงานด้านการค้ำประกันสวัสดิการสังคมและการสร้างงานทำให้แก่แรงงานในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจประสบความยากลำบากต่างๆ การประชุมได้รับการถ่ายทอดสดผ่านทั้งทางสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศสามารถติดตามได้อย่างสะดวก

 

นาง ดิงถิหงอกยุง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดหายเยืองแสดงความคิดเห็นว่า  วิกฤตโควิด -19 ได้ส่งผลให้มีคนตกงานจำนวนมาก รายได้ลดลง ชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานไร้เสถียรภาพ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัตินโยบายให้การช่วยเหลือแรงงานอย่างเร่งด่วน ส่วนผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดซ๊อกจัง โตอ๊ายวาง แสดงความคิดเห็นว่า การลดลงของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลให้อัตราคนตกงานเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน แม้เวียดนามเป็นสมาชิกของอาเซียน และการลงนามข้อตกลงการค้าฉบับต่างๆ ได้เปิดโอกาสให้แก่แรงงานเวียดนามแต่ก็มีความท้าทายมาก โดยเฉพาะอัตราคนตกงานที่เพิ่มขึ้น

 

 

“กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงข้อมูลสถิติเกี่ยวกับสถานการณ์การว่างงานโดยเร็วและแบ่งประเภท เช่น ตกงานเนื่องจากการขาดความสมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทานด้านแรงงานหรือตกงานเนื่องจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ เพื่อสามารถเสนอมาตรการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ส่วนนาย เยืองคั๊กมาย ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดดั๊กนง ได้แสดงความคิดเห็นว่า

 

“รัฐบาลควรชี้นำปรับปรุงระบบกฎหมายด้านสวัสดิการสังคมให้สมบูรณ์โดยเร็ว พัฒนาระบบประกันสังคมอย่างพร้อมเพรียง หลากหลาย และมีคุณภาพ ผสมผสานระหว่างประกันสังคมกับประกันภัยเชิงพาณิชย์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของประชาชน รัฐพิจารณาสนับสนุนกองทุนประกันสังคมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การเข้าร่วมของกลุ่มแรงงานอิสระและเกษตรกร สนับสนุนรูปแบบการดูแลสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุเพื่อตอบสนองสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์มากขึ้น สอดคล้องกับรายได้และศักยภาพด้านงบประมาณของประเทศและของประชาชน”

 

ในการนี้ ผู้แทนสภาแห่งชาติยังให้ข้อสังเกตว่า ช่วงปลายปีที่แล้วและต้นปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ลำบากของประเทศ ผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเวลาที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของทั้งระบบการเมือง โดยมีการสนับสนุนจากสภาแห่งชาติ ความพยายามของประชาชนและสถานประกอบการ โดยเฉพาะความพยายามของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในการบริหาร 

 

แต่เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในเวลาที่จะถึง จำเป็นต้องมีความตั้งใจระดับสูง เกาะติดสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศและโลกเพื่อมีนโยบายที่สอดคล้องและทันการณ์ เน้นเสริมสร้างเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มทักษะความสามารถและการพึ่งตนเองของเศรษฐกิจ ในบางกรณีก็ต้องประกาศมาตรการแก้ไขที่ไม่เคยใช้มาก่อนเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการ

 

สำหรับการเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐ รัฐบาลควรชี้นำอย่างเด็ดขาดในการเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐให้แก่โครงการเป้าหมายแห่งชาติ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างถนนไฮเวย์เหนือจรดใต้ พิจารณาข้อกำหนดเกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐตามการแบ่งอำนาจ เป็นต้น

 

ที่มา vovworld.vn

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566