KKP ชี้ศก.ไทยชะลอ แม้ท่องเที่ยวฟื้น จับตา 3ปัจจัยเสี่ยงปลายปี หวั่น "การเมือง" ปะทุหนักเกิดประท้วง
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP Research) เปิดเผยว่า ปี 2566 นับเป็นปีที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง จาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.การประกาศเปิดเมืองที่เร็วกว่าคาดของจีนในช่วงต้นปี ที่ทำให้คนส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยในภาพรวม 2.การบริโภคในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามรายได้จากภาคการท่องเที่ยว และ 3.ภาคการส่งออกที่คาดว่าจะไม่ชะลอตัวลงมากเพราะการเปิดเมืองของจีนจะช่วยให้อุปสงค์ของเศรษฐกิจโลกปรับดี
แต่ช่วงที่ผ่านมาสัญญาณเศรษฐกิจหลายอย่างเริ่มชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อ่อนแอลงกว่าที่ประเมินไว้ แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจอาจจะค่อย ๆ ฟื้นตัวจากตัวเลขนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึง และไม่เท่ากัน และคาดว่าภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การท่องเที่ยวอาจจะเผชิญความท้าทายและมีทิศทางที่ชะลอตัวลง ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยหลักที่เปลี่ยนไปจากช่วงต้นปี คือ
(1).รายได้จากภาคการท่องเที่ยวไม่กระจายไปภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจนถึงเดือนพฤษภาคมกลับมาได้ประมาณ 11 ล้านคน แต่สัญญาณในภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ กลับยังไม่ได้ฟื้นตัวได้ดีนัก ปัจจุบันการบริโภคในกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่ภาคบริการยังฟื้นตัวกลับไปใกล้เคียงกับระดับก่อนโควิดเท่านั้นต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่การบริโภคฟื้นตัวได้ดีมาก สอดคล้องกับที่ประเมินว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยมีความเชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจและพื้นที่เศรษฐกิจอื่น ๆ ต่ำ และครอบคลุมรายได้ของแรงงานเพียงประมาณ 11% ของประเทศเท่านั้น
(2).อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น การชะลอตัวลงของการปล่อยสินเชื่อและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในภาคธนาคาร เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่อาจทำให้วัฏจักรสินเชื่อกำลังเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง คือ 1).หนี้ครัวเรือนของไทยที่ปรับสูงขึ้นเกินกว่า 80% ของจีดีพีเป็นระดับที่เริ่มจะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจ 2).การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยในปัจจุบันปรับสูงขึ้นมากกว่ารายได้ และ 3).ปัญหาหนี้เสียในประเทศที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้ธนาคารเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการเติบโตของสินเชื่อเริ่มชะลอลงโดยสินเชื่อในภาพรวมโตได้เพียง 0.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้แนวโน้มการบริโภคสินค้าคงทน เช่น บ้าน รถยนต์ ชะลอตัวลงตาม
(3).การเปิดเมืองของจีนไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ดีตามที่ตลาดคาด โดยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดทั้งการบริโภคและการลงทุนของจีนมีสัญญาณชะลอตัว ประเมินว่าการชะลอตัวนี้มีส่วนสำคัญมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งส่งผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยใน 2 มิติ คือ ประการแรก นักท่องเที่ยวจีนมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับมาได้ไม่ถึง 5 ล้านคนตามที่คาดไว้ โดยนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ที่ออกมาเที่ยวยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวรายได้สูงที่เลือกเดินทางไปประเทศในแถบยุโรปมากกว่าอาเซียน ประการที่สอง การส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปีอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นช้า โดยยังคงประมาณการว่าการส่งออกทั้งปีของไทยจะติดลบที่ -3.1%
เงินเฟ้อลด สะท้อนเศรษฐกิจชะลอ :
KKP Research ระบุว่า เงินเฟ้อไทยปรับตัวลงเร็วกว่าที่ประเมินสะท้อนเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้า แม้ในช่วงต้นปีจะมีความกังวลว่า ปัญหาเงินเฟ้อในประเทศไทยจะค้างอยู่ในระดับสูงจากเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการส่งผ่านราคาจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค อย่างไรก็ตามข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่ประเมินไว้ค่อนข้างเร็ว
ประเมินว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาดสะท้อนว่าเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศไม่ได้เติบโตได้แข็งแกร่งมากนักในช่วงที่ผ่านมาแม้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวแล้วก็ตาม และมีการปรับประมาณการตัวเลขเงินเฟ้อในปี 2566 ลดลงเหลือเพียง 1.8%
เมื่อเศรษฐกิจพลิกโผ ความเสี่ยงต่อค่าเงิน :
แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงแสดงความกังวลด้านเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้นในอนาคต แต่เศรษฐกิจไทยที่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนทำให้ประเมินว่าความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นมีน้อยและคงการคาดการณ์เดิมว่า ธปท. จะปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นได้อีกแค่ 1 ครั้งไปที่ 2.25%
ในทางตรงกันข้ามเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังสามาถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้นสูงและยาวนานกว่าที่ตลาดคาด ความแตกต่างของสถานการณ์เศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯ จะเพิ่มความเสี่ยงให้เงินบาทอ่อนค่าลงกว่าที่ตลาดประเมินได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดย 2 ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ 1.ภาคการท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด 2.ทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยและส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาด
จับตา 3 ความเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจ :
KKP Research ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงหลังจากนี้ยังต้องระวังความเสี่ยงอีกอย่างน้อย 3 เรื่องและจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวชะลอลงรุนแรงกว่าที่คาดได้มาก คือ 1.สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไป คือ อัตราเงินเฟ้อที่สูงและดอกเบี้ยขาขึ้น จะกระทบต่อภาวะการเงินและภาระหนี้ในไทยซึ่งอาจทำให้ไทยเข้าสู่ภาวะการลดหนี้ (Deleveraging cycle) 2.เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงชะลอตัว แต่จากข้อมูลในอดีตความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากที่สุดยังมีอยู่ในช่วงกลางถึงปลายปี 2567 และจะกลับมากระทบกับภาคต่างประเทศของไทยได้ 3.ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะในกรณีเลวร้าย เช่น หากมีการชุมนุมประท้วง ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญของเศรษฐกิจไทย
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 4 กรกฏาคม 2566