สู้ไม่ไหว! ชาวนาเวียดนามออกดำนากลางคืนแทนกลางวันหนีอากาศร้อนจัด
เอเอฟพี - ท่ามกลางความมืดมิดในเวลา 3.00 น. เจิ่น ถิ ลาน มุ่งหน้าไปยังทุ่งนาที่มีน้ำขังชานกรุงฮานอยเพื่อเริ่มต้นดำนาปลูกข้าว โดยหวังให้งานของเธอเสร็จสิ้นก่อนที่อากาศร้อนจัดในตอนกลางวันจะมาถึง
การดำนาในเวลากลางคืนกลายเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตบรรดาชาวนานับไม่ถ้วนในภาคเหนือและภาคกลางของเวียดนามในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ต้องต่อสู้กับอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้

“มันยากมากที่จะดำนาปลูกข้าวท่ามกลางแสงแดดที่ส่องหลังฉันโดยตรง และน้ำในนาที่ร้อนขึ้นก็กระเด็นใส่หน้าฉันด้วย” ลาน อายุ 47 ปี กล่าวกับเอเอฟพี
ลานดำนาในเวลากลางวันในช่วงที่ความร้อนทุเลาลงได้แค่ระยะสั้นๆ ก่อนที่เธอจะต้องกลับมาทำนาในตอนกลางคืนอีกครั้ง เนื่องจากคลื่นความร้อนอีกระลอกหนึ่งได้แผ่ปกคลุมภาคเหนือของเวียดนามในช่วงต้นเดือน ก.ค. โดยพยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่าอุณหภูมิในแต่ละวันจะสูงเกิน 37 องศาเซลเซียส
“เพราะแสงสว่างไม่เพียงพอ ข้าวที่ปลูกไว้อาจไม่เป็นเส้นตรง” ลาน กล่าว ขณะที่เธอดำนาท่ามกลางแสงไฟที่ส่องมาจากไฟฉายคาดศีรษะ
เหวียน หุ่ง เฟือง เป็นชาวนาอีกคนที่ทำงานในตอนกลางคืน โดยเขาเริ่มลงดำนาตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. และเริ่มงานอีกครั้งในเวลา 3.00-9.00 น.
“เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นมากทำให้ผมรู้สึกอึดอัดไม่สบาย และเหนื่อยล้ามากในการทำงานตอนกลางวัน” เหวียน หุ่ง เฟือง กล่าว
การลงดำนาในตอนกลางคืนทำให้เขาทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเสียสมาธิน้อยลง
สำหรับเหวียน ถิ แห่ง ครอบครัวของเขาเพิ่งเริ่มหันมาปลูกข้าวตอนกลางคืนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขากล่าวว่าการปลูกข้าวตอนกลางคืนนั้นเป็นเรื่องดีสำหรับต้นข้าว เพราะข้าวไวต่ออุณหูมิที่สูงมาก

“มันดีกว่ามากเพราะน้ำเย็นกว่า และเหมาะสำหรับต้นกล้า” แห่ง กล่าว
ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ชาวนาเช่นลานและเฟืองสามารถสร้างรายได้สูงถึง 40 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งนับเป็นเงินก้อนใหญ่ในประเทศที่ปกติแล้วคนงานในชนบทมีรายได้ประมาณ 250 ดอลลาร์ต่อเดือน
แต่งานนี้หนักหนาสาหัสจนแทบไม่มีใครต้องการทำ ลานกล่าว และว่าการปลูกข้าวในตอนกลางคืนใช้เวลามากกว่าตอนกลางวัน
“เราแค่ต้องทำต่อไป คนอายุน้อยเลิกทำงานพวกนี้ พวกเขาออกไปหางานที่เบากว่าทำ” ลาน กล่าว พร้อมกับความกังวลว่าอีกไม่กี่ปีคงจะไม่มีใครทำงานนี้
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 3 กรกฏาคม 2566