ททท. ฝ่า "โพลีไครซิส" ชิงทัวริสต์เดือด ดึง "ต่างชาติ" เข้าไทย 68.5 ล้านคนปี 70
"ททท." ระดมสมอง ประชุมแผนตลาดท่องเที่ยวไทยปี 2567 บน 'ทางสามแพร่ง' การเมือง-เศรษฐกิจ-โครงสร้างสังคม ฝ่าความท้าทาย "ยุคโพลีไครซิส" ชิงทัวริสต์เดือด ปูพรมสู่เป้าหมายใหญ่ปี 2570 นักท่องเที่ยวต่างชาติจ่อทะลัก 68.5 ล้านคน สร้างรายได้รวม 5.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 25% ของจีดีพี
Key Points:
* ททท. ตั้งเป้าหมายภาคการท่องเที่ยวไทยปี 2567 สร้างรายได้รวม 3.1 ล้านล้านบาท เท่ากับปี 2562 ก่อนวิกฤติโควิด ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.58 ล้านคน ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย 160 ล้านคน-ครั้ง
* ความท้าทายสำคัญที่ต้องฝ่าฟันคือ “ยุคโพลีไครซิส” (Polycrisis) ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก แข่งขันรุนแรงแย่งชิงทัวริสต์ ปริมาณเที่ยวบินยังไม่กลับมาปกติ และอุปสรรคงบประมาณปี 2567 ล่าช้าช่วงรอยต่อรัฐบาลใหม่
* ปูพรมสู่เป้าหมายใหญ่ปี 2570 สร้างรายได้รวม 5.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 25% ของจีดีพี จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 68.5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทย 182 ล้านคน-ครั้ง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดการประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 11-13 ก.ค. 2566 ระดมสมองกันอย่างเข้มข้น ถึงแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเด็นสำคัญต่างๆ อาทิ การส่งเสริมภาพลักษณ์และเสนอขายประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยในมิติความยั่งยืน การกระตุ้นการใช้จ่ายและผลักดันการกระจายการเดินทางให้คนไทยท่องเที่ยวตลอดทั้งปี การจัดเก็บข้อมูลลูกค้า และ Voice of Customers (VOC) รวมถึง Voice of Suppliers (VOS) ที่สำคัญ ผ่านทัชพอยต์ (Touchpoints) ในการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey) ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนสรุปแผนการดำเนินงานส่งเสริมตลาดเชิงบูรณาการของ ททท. ปี 2567
ทั้งนี้ ททท.จะนำเสนอและแถลงทิศทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวปี 2567 ในวันที่ 17 ก.ค. 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับทราบแนวทางในการร่วมกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยคุณค่าสูง (High Value) และความยั่งยืน (Sustainable) อย่างแท้จริง
นายโชติ ตราชู ประธานกรรมการ ททท. กล่าวว่า ขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวไทยอยู่บนทางสามแพร่ง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และโครงสร้างสังคม ขณะเดียวกัน ททท.ต้องวางแผนการดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์งบประมาณประจำปี 2567 ที่ยังไม่แน่นอนหรืออาจล่าช้า
ล็อกเป้าปี 67 รายได้ท่องเที่ยว 3.1 ล้านล้านบาท :
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ททท. ล็อกเป้าหมายภาคการท่องเที่ยวไทยปี 2567 ฟื้นรายได้ 100% เท่ากับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว 3,098,606 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มูลค่า 11,440,590 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างประเทศ 2,292,968 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของรายได้รวม จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40,583,504 คน ส่วนรายได้ตลาดในประเทศ 805,638 ล้านบาท คิดเป็น 26% ของรายได้รวม จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 160,365,299 คน-ครั้ง ภายใต้ความคาดหวังว่าภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์เดียวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย หลังภาคการส่งออกถูกประเมินว่าอาจติดลบในปีนี้
ปี 2567 ถือเป็นปีแรกของการมุ่งสู่ Resilience ล้มแล้วลุกไว เติบโตอย่างยืดหยุ่น เริ่มขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไปสู่ระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวใหม่ (New Tourism Ecosystem) ให้เป็นระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวที่มีความสมดุลระหว่างมูลค่าและคุณค่า ปูทางสู่การเติบโตด้านรายได้ไปจนถึงปี 2570 หลังผ่านวิกฤติโควิด-19 ที่ต้อง Reopen กลับมาเปิดประเทศเมื่อปี 2564 และ Recovery ฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวเมื่อปี 2565
“การกลับมาของภาคท่องเที่ยว ไม่ใช่มีแค่ประเทศไทยกลับมาประเทศเดียว ประเทศอื่นๆ ก็กลับมาเช่นกัน เพราะฉะนั้นการแข่งขันจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก จะยิ่งทำให้ประเทศอื่นๆ หันมารุกการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น จึงมองว่าต้องให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามแผน เพื่อให้รายได้รวมการท่องเที่ยวกับมาในระดับเดียวกับปี 2562”
ความท้าทายหลักฝ่า ‘ยุคโพลีไครซิส’ :
นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่ความท้าทายของภาคท่องเที่ยวปี 2567 คือสถานการณ์ปริมาณเที่ยวบินที่ยังฟื้นตัวกลับมาไม่หมด โดยจากข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) คาดการณ์ว่าจะกลับมาเป็นปกติเร็วสุดในไตรมาส 4 ปี 2567 ใกล้เคียงกับปี 2562
“ถึงเวลา TAT (Tourism Authority of Thailand : ททท.) จะต้อง Turnaround Time นำการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน สมดุล เป็นส่วนสำคัญให้พร้อมรับมือกับวิกฤติหลากหลาย (Polycrisis) ในปัจจุบันและอนาคต”
ขณะเดียวกัน มุ่งเดินหน้าการท่องเที่ยวด้วย ZEST ได้แก่ Z: Zero in on Sustainability มุ่งผลักดันการท่องเที่ยวไปสู่ความยั่งยืน, E: Expressive – Full of Meaningful สร้างโมเมนต์ที่เต็มไปด้วยความหมายและความสุขจากการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์, S: Superior – Greater in Quality สร้างคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือระดับในมิติของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และ T: Transformation – IT Modernization ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มคุณค่าของประสบการณ์ (VoX: Value of Experience)
เป้าใหญ่ปี 70 รายได้รวม 5.6 ล้านล้านบาท :
อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 มีความท้าทายเรื่องของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะเบิกจ่ายล่าช้าไป 6 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของรัฐบาลใหม่ ดังนั้นหลังจากวันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไปจนกว่างบประมาณฯปี 2567 จะประกาศใช้ ก็ต้องใช้งบไปพลางก่อนได้เพียง 50% ของงบประมาณ 2566 แต่ยังหวังว่าในปีงบประมาณ 2567จะได้รับการจัดสรรงบตามที่ ททท.เสนอขอไป 5,000 ล้านบาทมากกว่าปี 2566 จำนวน 1,500 ล้านบาท แม้จะมาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา ระหว่างนี้ ททท.จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อไปสู่เป้าหมาย
“ทั้งนี้การตั้งเป้าหมายปี 2567 ของ ททท. ก็เพื่อนำไปสู่การตั้งเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2570 ไว้ที่ 5,599,377 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% ของคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มูลค่า 12,635,424 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างประเทศ 4,479,502 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 68.5 ล้านคน ส่วนรายได้ตลาดในประเทศ 1,119,875 ล้านบาท จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 182 ล้านคน-ครั้ง”
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 12 กรกฏาคม 2566