"ททท." ปักธงปี 67 ฟื้นรายได้ท่องเที่ยวคืน 100% เร่งดึงรายได้ตลาดไทยเสริมทัพต่างชาติหวืดเป้า
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.แถลงทิศทางการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวประจำปี 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยยังยืนยันเป้าหมายการสร้างรายได้รวมในอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวทั้งปี 2567 จะต้องฟื้นตัว 100% ของปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด หรือคิดเป็นมูลค่าที่ 3 ล้านล้านบาท แต่จากการประเมินปัจจัยแวดล้อมในภาพรวมขณะนี้ มีความเป็นไปได้ที่รายได้ของตลาดต่างชาติจะฟื้นตัวได้เพียง 94% ของปี 2562 หรือมีรายได้อยู่ที่ 1.92 ล้านล้านบาท ทำให้ ททท.ต้องกระตุ้นตลาดในประเทศเข้ามาเสริมด้วย ผ่านการตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1.08 ล้านล้านบาท เพื่อให้รายได้รวมไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.ได้วางฉากทัศน์ (ซีเรริโอ) ของภาคท่องเที่ยวไทยปี 2567 ไว้ 3 กรณี โดยยึดกรณีที่ 1 ดีที่สุดคือการสร้างรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 100% แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1.92 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน และตลาดในประเทศ 1.08 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 200 ล้านคน-ครั้ง กรณีที่ 2 ฟื้นตัว 90% สร้างรายได้รวม 2.74 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1.73 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 32 ล้านคน และตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 185 ล้านคน-ครั้ง และกรณีที่ 3 ต่อให้แย่ที่สุดก็ยังเท่ากับปี 2566 คือฟื้นตัว 80% ของปี 2562 หรือสร้างรายได้รวม 2.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1.54 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 28 ล้านคน และตลาดในประเทศ 8.6 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 158 ล้านคน-ครั้ง
“ขณะนี้ตลาดต่างประเทศยังมีข้อจำกัดอยู่ โดยเฉพาะจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาเท่าปี 2562 ซึ่งจากข้อมูลพบว่า จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่งฟื้นตัวแค่ 70% เท่านั้น โดยทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประเมินว่าจำนวนเที่ยวบินจะฟื้นจริงๆ ในไตรมาส 4 ของปี 2567 และคาดว่าน่าจะกลับมาเต็ม 100% ในปี 2568 แต่ในขณะนี้ยังมีวิกฤตหลายเรื่อง หรือ โพลีไครซิส (Polycrisis) อาทิ ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาการขึ้นดอกเบี้ย สงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันสูงส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในกรณีเลวร้ายสุด อย่างไรก็ได้เท่าปี 2566 โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ อาทิ ตลาดที่เป็นฐานลูกค้าหลักของไทยจะกลับเข้ามาได้ดีมากน้อยเท่าใด อย่างตลาดจีน ที่ปี 2567 จะกลับเข้ามาได้ดีขนาดไหน จำนวนเที่ยวบินเป็นอย่างไร รวมถึงประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่จะชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้มากน้อยเท่าใด นอกจากนี้ ข้อจำกัดในด้านวีซ่าจีนเข้าไทยนั้น ขณะนี้ความคืบหน้าที่ททท. ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) พัฒนาโปรแกรม VPSS (Visa Pre-Screening System) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าสำหรับกรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยวจีน ลดระยะเวลาในการพิจารณาวีซ่าให้เร็วขึ้นไม่เกิน 3-5 วัน จากเดิมอยู่ระหว่าง 15 วัน โดยขณะกต.ได้ประสานความคืบหน้าของระบบนี้มาแล้ว จึงน่าจะเป็นตัวช่วยได้ดี เพราะนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ขณะนี้มาท่องเที่ยวแบบมาเอง (เอฟไอที) โดยคาดว่าหากมีระบบนี้เข้ามาช่วยในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ จะทำให้กรุ๊ปทัวร์ที่ยังตัดสินใจเข้ามาไม่ได้ ตัดสินใจได้ดีมากกว่า โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมนี้ ที่เป็นวันชาติจีนด้วย
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 18 กรกฏาคม 2566