ยูเอ็นเตือนปัญหาหนี้ท่วมประเทศกำลังพัฒนา 40% จมหนี้ขั้นวิกฤต
สหประชาชาติ(ยูเอ็น) เปิดตัวรายงานสภาวะหนี้โลก ระบุเกือบๆ 40% ของประเทศกำลังพัฒนาอยู่ในภาวะหนี้ขั้นวิกฤต ขณะที่ภาวะหนี้สาธารณะทั่วโลกแตะระดับสูงสุดทำสถิติที่ 92 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา (2565)
นายอันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการเปิดตัว รายงาน A World of Debt เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ประชากรราว 3.3 ล้านล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก อาศัยอยู่ในประเทศที่ต้องใช้เงินชำระหนี้กู้ยืมก้อนใหญ่กว่าเงินงบประมาณที่ใช้ไปกับการศึกษาหรือสาธารณสุข นั่นหมายถึง ประเทศกำลังพัฒนา ที่มีฐานะยากจนมากที่สุดจำนวนหนึ่ง กำลังเผชิญ วิกฤตหนี้ และถูกกดดันให้ต้องเลือกระหว่างการใช้หนี้ กับการช่วยเหลือประชาชนของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาระหนี้เหล่านี้ กระจุกตัวอยู่ในประเทศยากจน จึงไม่ถือเป็นกลุ่มที่สร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลกได้
รายงานของยูเอ็นฉบับนี้ ชี้ว่า ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ ปี 2022) ประเทศกำลังพัฒนา 59 ประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับระดับหนี้ต่อจีดีพีที่ 60% หรือสูงกว่านั้น เพิ่มจากที่เคยมีเพียง 22 ประเทศเมื่อปี 2011 หรือเมื่อ 11 ปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ประเทศกำลังพัฒนาเป็นหนี้เกือบ 30% ของยอดรวมหนี้สาธารณะทั่วโลก ซึ่งราว 70% ในจำนวนนี้เป็นหนี้ของจีน อินเดีย และบราซิล
รายงาน A World of Debt ยังระบุด้วยว่า หนี้สาธารณะของประเทศต่างๆทั่วโลกในปีที่ผ่านมา (2022) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 92 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,000 ล้านล้านบาท โดยมีสาเหตุจากการที่รัฐบาลหลายประเทศ ต้องกู้ยืมเงินเพื่อรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ เช่นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ เลขาฯ ยูเอ็นระบุว่า ประเทศกำลังพัฒนามีระดับหนี้สาธารณะน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วก็จริง แต่กลับมีต้นทุนที่ต้องจ่ายชำระคืนในสัดส่วนที่สูงกว่า ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วประเทศในแอฟริกาต้องชำระหนี้มากกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 4 เท่า และมากกว่ากลุ่มประเทศร่ำรวยในยุโรปถึง 8 เท่าตัว
“ระดับหนี้ภาครัฐเป็นเครื่องมือด้านการเงินที่สำคัญ ที่จะสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาและช่วยรัฐบาลในการปกป้องและลงทุนกับประชาชนของพวกเขาได้ แต่เมื่อประเทศทั้งหลายถูกบีบให้ต้องกู้ยืมเพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ ภาระหนี้ก็กลายเป็นกับดักที่สร้างหนี้ขึ้นมาเพิ่มอีกเรื่อยๆ” นายกูเทอเรซกล่าว
เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นแนะให้นานาประเทศสร้างเครื่องมือบริหารจัดการหนี้ที่สนับสนุนระบบการพักชำระหนี้ และเงื่อนไขการกู้ยืมที่นานขึ้น รวมทั้งดอกเบี้ยกู้ยืมในอัตราต่ำ ให้กับกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางที่เปราะบาง
ก่อนหน้านี้ รายงานของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) เคยว่าเตือนบรรดาประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตหนี้ขั้นรุนแรง โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมา (2565) เคยคาดการณ์ว่า มี 54 ประเทศ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรที่ยากจนที่สุดในโลก จำเป็นต้องได้รับการผ่อนปรนการชำระหนี้ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะยากจนที่รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศยากจนได้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วย
“ประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับวิกฤตหนี้สินขั้นรุนแรง โดยความเป็นไปได้ที่แนวโน้มจะย่ำแย่ลงนั้นอยู่ในระดับสูง” นายอาคิม สไตเนอร์ ผู้บริหารสูงสุดของยูเอ็นดีพี เรียกร้องให้มีการออกมาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการตัดหนี้สูญ และการมอบความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเพิ่มเงื่อนไขพิเศษในสัญญาพันธบัตรรัฐบาลเพื่อบรรเทาวิกฤตให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา เขาย้ำว่า จำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการและหาวิธีจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ก่อนที่จะยากเกินแก้ หรืออาจแก้ไม่ได้เลย
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 17 กรกฏาคม 2566