"คมนาคม" คาดนโยบายวีซ่าฟรี ดันผู้โดยสารจีนเพิ่ม 5 ล้านคน
"สุริยะ" สั่ง ทอท.เร่งวางระบบบริการท่าอากาศยานรับนโยบายวีซ่าฟรี ล่าสุดเพิ่มสล็อตการบินแล้ว 15% รับสัญญาณแอร์ไลน์จีนแห่จองเข้าไทยต่อเนื่อง คาดขนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5 ล้านคน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงมอบนโยบายในการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า นโยบายเร่งด่วนที่ตนจะต้องดำเนินการ คือ การเพิ่มตารางการบิน (Slot) และการบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน เพื่อรองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ
โดยขณะนี้ได้มอบให้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในเรื่องนี้ ดำเนินการตามนโยบาย ซึ่งขณะนี้ทราบว่าได้มีการจัด Slot การบินสำหรับฤดูหนาวนี้สามารถเพิ่มเที่ยวบินได้มากขึ้นอย่างน้อย 15% ต่อสัปดาห์เมื่อเทียบกับ Slot ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวหลักอย่างตลาดจีนจะเพิ่มมากขึ้นกว่า 5 ล้านคน จากนโยบาย VISA Free สำหรับนักท่องเที่ยวจีนตลอดฤดูท่องเที่ยวที่จะถึงนี้
รวมทั้งมอบหมายให้ ทอท. ดำเนินการเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสาร (Capacity) โดยการปรับปรุง พื้นที่ที่มีอยู่เดิม เพิ่มจุดเช็คอิน และประสานเพิ่มด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) การใช้มาตรการจูงใจให้ผู้โดยสารใช้ระบบเช็คอินด้วยตนเอง รวมถึงการปรับการให้บริการ ได้แก่ การเปิดให้บริการเช็คอินสำหรับผู้โดยสารกรุ๊ปทัวร์ และการพิจารณาเปิดให้บริการท่าอากาศยานที่เชียงใหม่ เชียงราย และหาดใหญ่ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อบรรเทาความแออัด ของผู้โดยสารและรองรับการเดินทาง
ขณะเดียวกันยังมอบหมายให้ ทอท.เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยาน เร่งรัดก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติม เช่น การก่อสร้างส่วนต่อขยายทิศตะวันออกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และเชียงราย ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้งหมดสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 200 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ยังมีแผนระยะยาว 5 - 7 ปี เร่งดำเนินการสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเติบโตของการท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันมีข้อจำกัดด้านทางวิ่ง (Runway) ทำให้เพิ่มศักยภาพไม่ได้ ได้แก่ ท่าอากาศ ยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 และท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน (ภูเก็ต 2) ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้อีก 50 ล้านคนต่อปี
อีกทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมการบินในไทย กระทรวงฯ ยังเร่งรัดนโยบายโอนการบริหารจัดการท่าอากาศยานที่ปัจจุบันกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เป็นผู้ดำเนินการ ถ่ายโอนท่าอากาศยานที่มีศักยภาพในการเปิดเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ให้ ทอท. เข้าดำเนินการแทน เช่น ท่าอากาศยานกระบี่ ท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานบุรีรัมย์ รวมถึงพิจารณาท่าอากาศยานระดับภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อลดภาระการลงทุนของภาครัฐ และพัฒนาคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสาร
นอกจากนี้กระทรวงฯ ยังมีนโยบายการพัฒนาท่าอากาศยานอย่างยั่งยืน โดยให้ทั้ง ทอท. และ ทย. ดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดต้นทุนด้านพลังงาน ด้วยการติดตั้งระบบ Solar Cell ในพื้นที่ท่าอากาศยานที่เหมาะสม รวมถึงการกำหนดให้รถบริการในเขตท่าอากาศยานเป็นยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานด้านการบินศึกษาและกำหนดมาตรการเรื่องการใช้น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบินสากลที่กำหนดโดย องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 14 กันยายน 2566