กระแสตลาด "จีนเที่ยวไทย" ไม่มาตามนัด "ททท." จับตาสถานการณ์ 2 เดือนโค้งท้ายปี 66 หากสถานการณ์เดินทางยังอืด ขอฟังเสียงผู้ประกอบการท่องเที่ยวเรื่องต่ออายุมาตรการ "วีซ่าฟรี" ตลาดนักท่องเที่ยวจีน มีความเป็นไปได้ชงรัฐบาลต่ออายุยาวถึงสิ้นปี 2567

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) หรือ วีซ่าฟรี เพื่อการท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีน เป็นระยะเวลาประมาณ 5 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 พบว่าหลังผ่านพ้นช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาววันชาติจีน (1 ต.ค.) ที่ผ่านมา 

 

กระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนจนถึงปัจจุบันยังทรงตัวที่ระดับ 8,000-10,000 คนต่อวัน โดยในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย. บางวันมีจำนวนไม่ถึง 10,000 คน บางวันมีจำนวนเกิน 10,000 คน ใกล้เคียงกับจำนวนรายวันของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ทำให้ ททท.ต้องจับตาสถานการณ์ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2566 ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 15,000 คนต่อวันหรือไม่

 

“ททท.ยังคงจับตาและประเมินสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่อง หากมีการเรียกร้องจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวว่ามาตรการวีซ่าฟรี ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนขยับขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า ททท.จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาต่ออายุมาตรการนี้ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คงมีการขอความเห็นจากหลายๆ กระทรวง เกี่ยวกับองค์ประกอบที่จะขยายอายุมาตรการ และต้องขยายต่อไปถึงเมื่อไร”

 

มาตรการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง (Ease of Travelling) ในการเข้าประเทศ ถือเป็นมาตรการที่ ททท.ให้ความสำคัญ ซึ่งต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแต่ละตลาดว่าต้องการอะไรบ้าง เพราะอย่างตลาดระยะไกล เช่น ยุโรป ก็ต้องการมาตรการอีกแบบ ตลาดระยะใกล้ในเอเชียก็ต้องการอีกแบบ

 

“ทั้งนี้ ททท.จะพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางขอต่ออายุมาตรการด้านวีซ่าฟรีทั้ง 5 ตลาด ประกอบด้วย จีน คาซัคสถาน รัสเซีย อินเดีย และไต้หวัน โดยจีนเป็นตลาดเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะขอต่ออายุมาตรการมากที่สุดในตอนนี้”

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 5 พ.ย. 2566 อยู่ที่ 2,833,349 คน มากเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย ซึ่งมีจำนวนสะสม 3,693,227 คน โดย ททท.วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยตลอดปี 2566 ที่จำนวน 4 - 4.4 ล้านคน

 

ขณะที่สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) คาดการณ์แนวโน้มตลอดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 3.5 ล้านคน ไม่ถึงเป้าหมายที่ ททท.ตั้งไว้

 

นางสาวฐาปนีย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บน X (ทวิตเตอร์) อย่างร้อนแรงเกี่ยวกับประเด็น #แบนเที่ยวเกาหลี และ #แบนเกาหลี ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. 2566 จะลุกลามไปถึงตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางเข้าประเทศไทยหรือไม่นั้น ทาง ททท. มองว่าทั้งประเทศไทยและเกาหลีใต้ต่างเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ไม่ควรใช้วาทกรรมบนโลกออนไลน์มาตัดสินเรื่องนี้

 

โดยขณะนี้บรรยากาศของตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีมีกระแสเดินทางมาเที่ยวไทยจำนวนมาก ในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ติดอันดับ 3 ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ด้วยจำนวนสะสมกว่า 1.3 ล้านคน รองจากมาเลเซียและจีน

 

“นักท่องเที่ยวเกาหลีชื่นชอบการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวไทยก็ชอบไปเที่ยวเกาหลีมากเช่นกัน จากการมอนิเตอร์ติดตามสถานการณ์ล่าสุด ยังไม่เห็นผลกระทบต่อตลาดเกาหลีเที่ยวไทย โดยมองว่าเราต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวเกาหลีทุกกลุ่ม เพราะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ จับจ่ายใช้สอยดีขณะท่องเที่ยวในไทย”

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566