ในการนี้ ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้แสดงความยินดีที่มีโอกาสกล่าวปราศรัยในการประชุมของรัฐสภาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติที่มีอายุยาวนานที่สุดในเอเชีย พร้อมทั้งย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นเนื่องจากความคล้ายคลึงกันในด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ มนุษย์และเกียรติประวัติแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศในตลอดนับพันปีที่ผ่านมา 

 

สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้ยืนยันว่า ญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนสำคัญของเวียดนามในทุกด้าน เวียดนามไม่ลืมความช่วยเหลือของญี่ปุ่นในช่วงที่เวียดนามประสบความยากลำบากต่างๆ ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีความงดงามในปัจจุบันก็เนื่องจากส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำทั้งสองประเทศรุ่นแล้วรุ่นเล่า

 

สำหรับแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชียและโลก ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้ย้ำว่า กิจกรรมนี้ได้ช่วยเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านใหม่ๆ เช่น พลังงานสะอาด การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศแห่งสีเขียวหรือ FDI การเงินแห่งสีเขียว เป็นต้น 

 

ทั้งสองประเทศควรปฏิบัติกรอบความสัมพันธ์ใหม่นี้ด้วยความคิดใหม่ๆ การกำหนดแนวทางใหม่ๆ และวิธีการปฏิบัติใหม่ พร้อมทั้งเสนอให้เพิ่มความร่วมมือใน 6 ด้าน คือ ความไว้วางใจทางการเมือง การเชื่อมโยงในด้าน ความร่วมมือด้านกลาโหม ความมั่นคง ความร่วมมือระดับท้องถิ่นและการพบปะในระดับประชาชน ความร่วมมือในด้านพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเพิ่มความร่วมมือและประสานงานในฟอรั่มพหุภาคีและภูมิภาค ตลอดจนเผยว่า การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนั้นสามารถตอบสนองความปรารถนาและสนับสนุนผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของประชาชนทั้งสองประเทศ

 

ในบ่ายวันเดียวกัน ประธานประเทศ หวอวันเถืองและภริยาได้พบปะหารือกับประธานสภาล่างญี่ปุ่นและประธานวุฒิสภาญี่ปุ่น

ส่วนในช่วงค่ำ  ประธานประเทศ หวอวันเถือง ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่พนักงานของสถานกงสุลเวียดนามที่เมือง Fukuoka และตัวแทนของชมรมชาวเวียดนามที่กำลังอยู่อาศัยทำงานและศึกษาในเขต Kyushu

 

ที่มา vovworld.vn

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566