ประสานเสียงปลัดคลัง-รมว.พณ. ชี้ เศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อหด บี้ลดดอกเบี้ย
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคมว่า จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 (เดือนตุลาคม 2566-มกราคม 2567) รัฐบาลจัดเก็บรายได้ จำนวน 8.24 แสนล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 8,836 ล้านบาท หรือ 1.1% นั้นยอมรับว่าเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวจากความสามารถในการซื้อที่ลดลง ส่วนหนึ่งเพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้น
นายลวรณกล่าวว่า โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีผลต่อความสามารถในการซื้อของประชาชน โดยเฉพาะคนที่ต้องการซื้อรถยนต์ หรือที่อยู่อาศัยที่แม้ยังมีความต้องการอยู่ แต่ความสามารถในการผ่อนชำระน้อยลงเนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้เงินงวดผ่อนชำระต่อเดือนสูงขึ้นตาม ส่งผลให้คนที่กู้จำนวนหนึ่งถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ดังนั้น เมื่อยอดโอนรถยนต์ หรือโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงก็ทำให้รายได้จากภาษีของรัฐบาลลดลงตามไปด้วย
“การลดดอกเบี้ยจะเข้ามาช่วยประคองเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะซบเซาและเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าภาครัฐจะเข้ามาช่วยประคองเศรษฐกิจ หากปล่อยให้เศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่อง การใช้ทรัพยากรทางการเงินเพื่อดึงเศรษฐกิจให้กลับคืนมาจะต้องใช้เงินมากกว่าปัจจุบัน” นายลวรณกล่าว
เมื่อถามว่า การปรับลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินไหลออกนอกประเทศหรือไม่ นายลวรณกล่าวว่า ไม่ควรกังวลในประเด็นนี้มากจนเกินไปเพราะหากเงินจะไหลออกคงจะไหลออกไปนานแล้ว เพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยกับของสหรัฐอเมริกามีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ดี การลดดอกเบี้ยในวันนี้ไม่ได้หมายความว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจทันที เพราะกว่าที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจอาจต้องใช้เวลานานมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยผลการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ ที่ จ.พะเยา ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร เมื่อวันที่ 19 มีนาคมว่า ผู้ประกอบการอยากให้รัฐหาแหล่งเงินกู้ ปัจจุบันดอกเบี้ยสูงและกู้ยาก ส่วนที่ประสบปัญหาอยากให้ขยายเวลาชำระหนี้ พยุงให้ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่รอดได้ และคนรุ่นใหม่ปัจจุบันไม่ได้รับโอกาสในการทำธุรกิจเท่าที่ควร จึงเข้าสู่เมืองหลวงทำให้ต่างจังหวัดไม่มีโอกาสได้คนรุ่นใหม่มาทำธุรกิจหรือตั้งตัว อยากให้ช่วยโปรโมตสินค้า ส่งเสริมให้คนมาเที่ยวเมืองรองอย่างเชียงรายมากขึ้น เป็นจังหวัดมีความพร้อมด้าน
สุขภาพเพราะมีทั้งโรงพยาบาลและสินค้าสุขภาพ ตอนนี้เศรษฐกิจซบเซามีปัญหากำลังซื้อ ไม่มีผู้ประกอบการ SMEs ล้มหายตายจาก เป็นหนี้ เจอโควิดมา 3 ปี สงครามการค้า สงครามรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส มาตรการทางการค้าเราใช้หมดแล้ว 6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลทำงานแบบไม่มีงบ ต้องกระตุ้นกำลังซื้อทุกขอบเขตให้เงินกระจายทั่ว แต่วันนี้แบงก์ไม่ยอมลดดอกเบี้ย
“อยากให้เศรษฐกิจเมืองรองแข็งแรง จะได้ทำให้เศรษฐกิจประเทศโตได้ ซึ่งต้องสร้างความเข้มแข็งทุกช่องทางช่วยคนตัวเล็กชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร SMEs ใช้กลไกใหม่ในการส่งเสริม กำลังทำใช้อินฟลูเอนเซอร์และซีรีส์วายมาช่วยสร้างการรับรู้สินค้าและสร้างยอดขาย ต้องเห็นช่องทางจะเป็นประโยชน์กับสินค้าท้องถิ่น อยากให้ทุกคนเป็นตัวเชื่อมในระดับจังหวัดให้แข็งแรง และเชื่อมโยงไปจังหวัดอื่นร่วมกันเติบโต อยากเห็นการทำเครือข่ายทั้งประเทศ ให้เดินไปข้างหน้าร่วมกัน “นายภูมิธรรมกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 20 มีนาคม 2567