"ลอว์เรนซ์ หว่อง" สาบานตนรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนใหม่ในรอบ 20 ปี
สิงคโปร์ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อ นายลอว์เรนซ์ หว่อง อย่างเป็นทางการวานนี้ (15 พ.ค.) หลังจากที่เขาเข้าพิธีปฏิญญาณตนเข้ารับตำแหน่ง นับเป็นผู้นำคนใหม่คนแรกในรอบ 20 ปี โดยหว่องเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์
นายลอว์เรนซ์ หว่อง วัย 51 ปี เจ้าของฉายา “ผู้นำ 4G” เข้าพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนใหม่ เมื่อวันพุธ (15 พ.ค.) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้นำครั้งแรกในรอบ 20 ปีของสิงคโปร์ และเขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์สิงคโปร์ ถือเป็นการถ่ายโอนอำนาจอย่างรอบคอบ และมีเป้าหมายเพื่อการรักษาความต่อเนื่องในการปกครองประเทศ
ลอว์เรนซ์ หว่อง ได้รับฉายา “ผู้นำ 4 G” หมายถึง การเป็น "นักการเมืองรุ่นใหม่" ที่ได้รับการคัดสรรจากพรรคที่เป็นแกนนำก่อตั้งรัฐบาลสิงคโปร์ คือพรรคพรรคกิจประชาชน (พีเอพี) หรือ People's Action Party ให้เข้ามารับช่วงต่อการบริหารประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย โดยผู้นำสิงคโปร์ 3 คนก่อนหน้านี้ ล้วนมาจากพรรคพีเอพีทั้งสิ้น นอกจากนี้ หว่องยังเป็นผู้นำสิงคโปร์คนแรกที่เกิดหลังจากสิงคโปร์เป็นประเทศเอกราชเมื่อปีค.ศ.1965 (พ.ศ.2508)
ผู้นำคนใหม่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะปกครองประเทศด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน และรู้สำนึกถึงบทบาทหน้าที่ที่ได้รับต่อสิงคโปร์ และประชาชน 5.9 ล้านคน และเขาก็พร้อมจะอุทิศ “พลังงานที่มีทั้งหมด” เพื่อประชาชนชาวสิงคโปร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ลอว์เรนซ์ หว่อง ก้าวขึ้นมามีบทบาททางการเมืองของสิงคโปร์เมื่อปี 2563 ในฐานะประธานร่วมของหน่วยเฉพาะกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนต่อไปเมื่อเดือนเมษายนปี 2565 หลังจากการปรึกษาหารือในหมู่ผู้นำพรรคการเมือง เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีและดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระดับสูงด้านสังคมในการแก้ปัญหาเรื่องความยั่งยืน ความเหลื่อมล้ำ และการจ้างงานของสิงคโปร์
เสถียรภาพการเมืองของสิงคโปร์และความต่อเนื่องด้านนโยบาย :
หว่องเข้ารับตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์คนใหม่ต่อจากนายลี เซียน ลุง วัย 72 ปี ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและปกครองสิงคโปร์มายาวนานถึง 20 ปี
นอกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ลอว์เรนซ์ หว่อง ยังจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังที่เป็นตำแหน่งเดิมของเขาควบคู่ไปด้วย
ข่าวระบุว่า หว่องได้ปรับคณะรัฐมนตรีเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ (13 พ.ค.) ก่อนจะเข้าพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันพุธ(15 พ.ค.) โดยเขาแต่งตั้งรัฐมนตรีการค้าสิงคโปร์ให้ขึ้นมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีความต่อเนื่องและเสถียรภาพในการพิจารณาประเด็นสำคัญๆของประเทศ และหลังจากนี้ คาดว่ายังจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่หลังการเลือกตั้งปีหน้า (2568)
ด้านนายลี เซียน ลุง จะยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีระดับสูงในคณะรัฐบาลของหว่องอยู่ เหมือนกับอดีตผู้นำสิงคโปร์รายอื่น ๆ
การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งผู้นำสูงสุดทางการเมือง จากนายลี เซียน ลุง สู่นายลอว์เรนซ์ หว่อง มีการปูทางไว้นานแล้ว โดยนายลี เซียน ลุง ซึ่งรับไม้ต่อการบริหารประเทศมาจากนายลี กวน ยู ผู้ก่อตั้งสิงคโปร์ในยุคสมัยใหม่และเป็นบิดาของเขา (ผู้ล่วงลับเมื่อปี 2558) ประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เมื่ออายุ 70 ปี แต่แผนการดังกล่าวต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19
นายพริทัม ซิงห์ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของสิงคโปร์ กล่าวให้ความเห็นเมื่อวันพุธ (15 พ.ค.) ว่า หว่องเข้ามารับหน้าที่ในช่วงเวลาอันท้าทาย เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและปัจจัยภายนอกที่คาดเดาได้ยากยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงของช่วงอายุในประเทศอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
“ภายใต้การนำของหว่อง พรรคแรงงานสิงคโปร์จะมีบทบาททางนิติบัญญัติในการสร้างผลประโยชน์ให้กับสิงคโปร์และชาวสิงคโปร์ต่อไป” ผู้นำฝ่ายค้านประกาศพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่
สำหรับประวัติโดยสังเขป ของ นายลอว์เรนซ์ หว่อง :
เขาเกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ปัจจุบันอายุ 51 ปี เป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ และอดีตข้าราชการ เขาเป็นเลขาธิการพรรคกิจประชาชน (พีเอพี) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 นอกจากนี้ ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาตั้งแต่ปี 2564 และเป็นประธานองค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2566
ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางการเมือง หว่องเคยทำงานที่กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นเลขานุการส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ระหว่างปี พ.ศ. 2548-2551
นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหน่วยงานตลาดพลังงาน (EMA) ระหว่างปี พ.ศ. 2552-2554
หว่องเปิดตัวทางการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศสิงคโปร์ พ.ศ. 2554 ซึ่งเขาลงสมัครในกลุ่มเขตเลือกตั้งเวสต์ โคสต์ ในนามพรรคกิจประชาชนที่มีสมาชิก 5 คน และชนะการเลือกตั้ง ต่อมาหว่องย้ายไปลงสมัครในกลุ่มเขตเลือกตั้งมาร์ซิลิง-เยียว ตี ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2558 และยังคงได้รับเลือกตั้งเรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2563
ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หว่องเคยผ่านงานมาแล้วหลากหลายกระทรวง
* เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชุมชน และเยาวชน ระหว่างปี พ.ศ. 2555-2558
* นอกจากนี้ ยังเคยเป็นรัฐมนตรีคนที่ 2 ของกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศ ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2558 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติ ระหว่างปี พ.ศ. 2558-2563
* และเป็นรัฐมนตรีคนที่ 2 ของกระทรวงการคลัง ระหว่างปี พ.ศ. 2559-2564
* รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระหว่างปี พ.ศ.2563-2564
* หว่องยังเป็นประธานร่วมของคณะกรรมการหลายกระทรวงที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 เพื่อจัดการการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศสิงคโปร์
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้นำรุ่นที่สี่ของพรรคกิจประชาชน โดยวางเขาไว้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากลี เซียนลุง อย่างชัดเจน กระทั่งเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ลอว์เรนซ์ หว่องก็ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4 อย่างเป็นทางการ
ส่วนตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ 3 คนก่อนหน้านี้ คือ
(1)นายลี กวนยู ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2508 – 28 พฤศจิกายน 2533 รวม 25 ปี 111 วัน สังกัดพรรคกิจประชาชน
(2)นายโก๊ะ จ๊กตง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 – 12 สิงหาคม 2547 รวม 13 ปี 258 วัน สังกัดพรรคกิจประชาชน
(3)นายลี เซียนลุง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2547 – 15 พ.ค. 2567 รวม 19 ปี 277 วัน สังกัดพรรคกิจประชาชน
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 16 พฤษภาคม 2567