สำรวจวิธีขับเคลื่อนศิลปะและวัฒนธรรม แบบฉบับทวีปยุโรป
ศิลปะและวัฒนธรรม หนึ่งในสิ่งที่ช่วยจรรโลงจิดใจผู้คน ให้แรงบันดาลใจและช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับชีวิต และให้ความบันเทิงไปด้วยในเวลาเดียวกัน โดยมีหลากหลายรูปแบบที่สามารถเลือกเสพได้ ทั้งงานภาพวาด ภาพถ่าย การแสดงต่าง ๆ ไปจนถึงความบันเทิงแบบเสียงเพลง คอนเสิร์ต การแสดงดนตรี
ในโลกปัจจุบัน การเข้าถึงศิลปะและวัฒนธรรมต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทั้งในรูปแบบออฟไลน์ งานแสดงที่จัดตามพื้นที่ต่าง ๆ และรูปแบบออนไลน์ ผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น คนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ เลือกที่จะเสพความบันเทิงผ่านช่องทางเหล่านี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นหนึ่งส่วนสำคัญที่สร้างผลกระทบต่อวงการศิลปะ และคนทำงานศิลปะจำนวนมาก ทำให้บางประเทศ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป จัดมาตรการอัดฉีดเงินให้วัยรุ่นได้ใช้เพื่อออกไปเสพและเข้าถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ อีกทั้งเพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมให้วงการศิลปะและคนทำงานศิลปะยังเดินหน้าต่อได้
“ประชาชาติธุรกิจ” พาไปสำรวจโลกต่างประเทศ กับการส่งเสริมวัฒนธรรมให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น
อิตาลี ประเทศแรกที่เริ่มการส่งเสริมคนรุ่นใหม่เข้าถึงวัฒนธรรม :
การส่งเสริมให้วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ เข้าถึงวัฒนธรรม เริ่มต้นที่ประเทศอิตาลี ในชื่อ “Bonus Culture – 18App” ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2559 โดยทางการอิตาลี จะให้เงินแก่วัยรุ่นชาวอิตาลี อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 500 ยูโร (ประมาณ 18,000 บาท) เพื่อให้พวกเขาได้ใช้เงินจำนวนนี้ไปกับการเข้าถึงวัฒนธรรมรูปแบบต่าง ๆ
ผู้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าว จะได้รับบัตรพร้อมเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อใช้สำหรับการใช้จ่ายในสถานที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ดูหนังที่โรงภาพยนตร์ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ การชมคอนเสิร์ต การซื้อหนังสือ การเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม เป็นต้น โดยสามารถใช้ได้ตามร้านค้าและพันธมิตรที่เข้าเงื่อนไขโครงการ
ภายหลัง เมื่อปี 2561 มีการขยายให้ครอบคลุมถึงการเข้าพื้นที่โบราณสถาน อุทยานธรรมชาติ และการเข้าคอร์สเรียนภาษาอีกด้วย
จากอิตาลี เริ่มขยายสู่ประเทศต่างๆ ในยุโรป :
จากโครงการส่งเสริมวัฒนธรรมแบบรัฐบาลอิตาลี ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2559 ก็เริ่มมีประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป นำโครงการดังกล่าวไปทำในประเทศของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ฝรั่งเศส :
ประเทศแรก คือ ฝรั่งเศส ทำโครงการ “Culture Pass” มาตั้งแต่ปี 2564 โดยมอบเงินให้กับชาวฝรั่งเศสที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 300 ยูโร (ประมาณ 11,000 บาท) เพื่อนำไปใช้จ่ายในลักษณะเดียวกัน โดยเงินดังกล่าวมีระยะเวลาการใช้งาน 2 ปี ใช้งานได้สูงสุด 100 ยูโร และต้องใช้งานกับร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เป็นชาวฝรั่งเศสเท่านั้น
สำนักข่าวยูโรนิวส์ เคยรายงานไว้เมื่อปีก่อนว่า งบประมาณจากโครงการนี้ถูกใช้กับการใช้จ่ายตามเงื่อนไขของโครงการ ราว 59 ล้านยูโร (ประมาณ 2,160 ล้านบาท) และโครงการดังกล่าวครอบคลุมถึงผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติฝรั่งเศส แต่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปตามเงื่อนไข และพำนักอยู่ในฝรั่งเศสมากกว่า 1 ปีขึ้นไป จึงสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ทางการฝรั่งเศสมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขโ8รงการใหม่ ให้ครอบคลุมกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-17 ปีขึ้นไป โดยจะได้รับเงินสนับสนุนในโครงการดังกล่าวตามลำดับอายุ ดังนี้
* เมื่ออายุครบ 15 ปี ได้รับเงิน 20 ยูโร (ประมาณ 730 บาท)
* เมื่ออายุครบ 16 ปี ได้รับเงิน 30 ยูโร (ประมาณ 1,100 บาท)
* เมื่ออายุครบ 17 ปี ได้รับเงิน 30 ยูโร (ประมาณ 1,100 บาท)
* เมื่ออายุครบ 18 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 300 ยูโร (ประมาณ 11,000 บาท)
รวมทั้งหมดจะได้รับ 380 ยูโร หรือราว 14,000 บาท
สเปน :
ประเทศถัดมา คือ สเปน ในชื่อ “Bono Cultural Joven” หรือชื่อในภาษาอังกฤษ “Youth Cultural Bonus” โดยโครงการนี้ ทางการสเปนโดยกระทรวงวัฒนธรรมของสเปน จะให้เงินกับผู้ที่ก้าวสู่อายุ 18 ปี จำนวน 400 ยูโร (ประมาณ 14,600 บาท) เพื่อใช้จ่ายกับการเข้าชมงานศิลปะ พิพิธภัณฑ์ ความบันเทิงต่าง ๆ ตามที่โครงการกำหนด
ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนทำงานในแวดวงศิลปะและวัฒนธรรม หลังต้องชะงักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กินเวลานานกว่า 2 ปี
สำหรับโครงการนี้ และเงินจำนวน 400 ยูโรที่ได้รับจากโครงการนี้ มีเงื่อนไขการใช้งานคือ
เงินจำนวน 400 ยูโร จะถูกแบ่งเพื่อใช้งานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและวัฒนธรรม 3 ประเภท คือ
(1)200 ยูโร สำหรับการซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงสด การชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์ การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และการเข้าชมเทศกาลดนตรี
(2)100 ยูโร สำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ (หนังสือ นิตยสาร วารสาร) วิดีโอเกม แผ่นเพลงและภาพยนตร์ต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบซีดี ดีวีดี และบลู-เรย์ (Blu-Ray)
(3)100 ยูโร สำหรับการซื้อสื่อดิจิทัล อาทิ หนังสือ e-Book หนังสือเสียงดิจิทัล ไปจนถึงการสมัครสมาชิก Online Streaming ต่าง ๆ ทั้งแบบวิดีโอ เสียง (Podcast) การสมัครสมาชิกดิจิทัลสำหรับสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
โดยเงินจำนวน 400 ยูโรที่ได้รับ จะมีระยะเวลาใช้งานเพียง 12 เดือนเท่านั้น และเงินจำนวน 100 ยูโร ที่ใช้สำหรับการสมัครสมาชิก Online Streaming จะสามารถใช้สำหรับการสมัครได้เพียง 4 เดือนแรกเท่านั้น
เยอรมนี :
เยอรมนี ถือเป็นประเทศล่าสุดในทวีปยุโรป ที่จัดทำโครงการในลักษณะนี้ ในชื่อ “Kulturpass” โดยจะเริ่มต้นในวัยรุ่นที่จะเข้าสู่อายุ 18 ปี ในปี 2566 นี้ ซึ่งจะได้รับเงินจำนวน 200 ยูโร สำหรับการซื้อตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์ การแสดงต่าง ๆ ไปจนถึงสินค้าต่าง ๆ เช่นเดียวกับโครงการก่อน ๆ ในประเทศอื่นของทวีปยุโรป
สำหรับโครงการนี้ จะสามารถใช้งานได้เฉพาะการซื้อกับผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการซื้อตั๋วคอนเสิร์ตราคาแพงและผู้ให้บริการที่เป็นเจ้าใหญ่ อย่าง Spotify หรือ Amazon
และหากโครงการนี้ประสบผลสำเร็จ ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ อาจมีการขยายโครงการให้ครอบคลุมวัยรุ่นที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป
การสนับสนุนวงการวัฒนธรรมในรูปแบบอื่น ๆ :
นอกจากการสนับสนุนในลักษณะที่คล้ายกับประเทศที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการสนับสนุนให้ผู้คนสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมในรูปแบบอื่น อย่างการเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี ซึ่งแต่ละพิพิธภัณฑ์ในยุโรป มีเงื่อนไขที่แตกต่างไป ตั้งแต่เปิดให้เข้าฟรีเฉพาะนักเรียน-นักศึกษา ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไปจนถึงเปิดให้ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้าชมได้ฟรี
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (The European Commission) ยังได้เปิดตัวโครงการ Culture Moves Europe ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมมือกับสถาบันเกอเธ่ (Goethe-Institut) เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาต่อต่างประเทศด้านศิลปะและวัฒนธรรมแก่ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะหน้าใหม่ เพื่อพัฒนาวิชาชีพของตนเอง และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
โดยโครงการดังกล่าว มีการวางงบประมาณไว้มากถึง 21 ล้านยูโร หรือราว 770 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนทุนให้กับผู้คนกลุ่มดังกล่าวตลอด 3 ปีข้างหน้านับจากนี้
นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น เกิดแรงบันดาลใจและการเรียนรู้ใหม่ ๆ มากขึ้น ขณะเดียวกัน คนวงการศิลปะยังสามารถไปต่อได้ ซึ่งจะน่าสนใจไม่น้อย หากประเทศไทยนำแนวคิดโครงการเหล่านี้มาพัฒนา ควบคู่กับการส่งเสริมศิลปะไทยให้ก้าวหน้าสู่ระดับโลก
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 13 ธันวาคม 2565