ผู้นำวิสัยทัศน์ วิโรจน์ ฐานไพศาลกิจ Production Business Director, MBCS Thailand

 

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมรับสารของกลุ่มวัยรุ่นไปแล้ว ยังกระทบถึงแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ โดยเทคโนโลยีมีส่วนเข้ามาเกี่ยวของกับกิจกรรมทั้งด้านการใช้ชีวิต การเรียน การทำงาน หรือการเข้าสังคมยังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์นี้เองกลับสร้างความตึงเครียดและความกังวลให้กับคนในสังคมไม่น้อย เพราะภาระค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนที่มากขึ้น

 

ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้นในขณะที่ค่าแรงเท่าเดิมหรือลดลง เส้นแบ่งระหว่างพื้นที่การทำงานและการพักผ่อนเลือนรางลงไปจนรู้สึกว่าไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง รวมไปถึงการตกงาน และความเครียดนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการเปิดรับสื่อไป โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มคนที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจในอนาคต

 

Facebook เป็น Social Media ที่เชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกเข้าถึงกัน และยังเป็นแพลตฟอร์มสุดฮิตของธุรกิจ E-commerce ที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็ตาม เป็นเหตุให้ Facebook เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากลับพบว่าผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่นใช้ Facebook ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

เพราะพวกเขามองว่า Facebook คือพื้นที่ของคนสูงอายุ ที่มีแต่คอนเทนต์น่าเบื่อ ทำให้เครียด เข้าใจผิด และไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา กลุ่มวัยรุ่นจึงหันมาบริโภคเนื้อหาบันเทิงที่สั้น แปลกใหม่ สนุก และไม่เครียด เพราะพวกเขาเครียดกับการแพร่ระบาดใหญ่ครั้งนี้มากพอแล้ว และไม่ต้องการรับรู้เรื่องอื่นที่ทำให้เครียดไปมากกว่าเดิม

 

นอกจากคอนเทนต์บน Facebook จะไม่ตรงใจผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่นเท่าไหร่แล้ว Facebook กำลังเผชิญกับภาวะถดถอยจากจำนวนผู้ใช้งานรายวันทั่วโลกลดลงเหลือ 1,929 ล้านบัญชี จากเดิม 1,930 ล้านบัญชี ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายจำกัดการติดตามโฆษณาของบริษัท Apple ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจ E-commerce ที่สื่อสารผ่าน Facebook และ Instagram เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ยากขึ้น

 

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากหลายแพลตฟอร์มซึ่งรวมถึง Video Streaming ที่พยายามสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่นและดึงดูดให้เข้าไปใช้เวลาในแพลตฟอร์มนั้น และด้วยตัวเลือกที่มากขึ้นอย่างมหาศาลจึงไม่แปลกที่กลุ่มวัยรุ่นเริ่มหันไปสนใจแพลตฟอร์มอื่นที่มีคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์และเหมาะกับไลฟ์สไตล์มากกว่า

 

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่นเป็นหนึ่งสัญญาณเตือนครั้งสำคัญว่า Facebook กำลังเผชิญกับการสูญเสียผู้ใช้งานจำนวนมากและอาจทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ และคงต้องลุ้นกันต่อว่า Facebook จะงัดกลยุทธ์หรือเทคโนโลยีอะไรออกมาพลิกเกมที่จะเรียกกลุ่มผู้ใช้งานโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นให้กลับไปใช้ Facebook เหมือนเดิมได้หรือไม่

 

แม้ Facebook กำลังเข้าสู่ขั้นที่อาจเรียกได้ว่า “ขาลง” แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางแพลตฟอร์มที่ต้องใช้คำว่า “ขาขึ้น” เพราะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 อย่าง TikTok รายงานจาก We Are Social เผยว่า TikTok มียอดการใช้งานทั่วโลกอยู่ที่ลำดับ 6 ซึ่งขยับขึ้นมาแซงหน้า Twitter ไปได้

 

นอกจากนี้ ทาง App Annie ยังเผยว่า TikTok เป็นแอปพลิเคชันลำดับ 1 ที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุด และยังเป็นแอปพลิเคชันที่คนจ่ายเงินให้สูงสุดในปี 2021 ด้วยสไตล์คอนเทนต์ที่สั้น สนุก แปลกใหม่ เข้าถึงง่าย และหาไม่ได้จากแพลตฟอร์มอื่นๆ มาพร้อมกับฟังก์ชันและฟิลเตอร์มากมายที่ออกมาให้ลองเล่นกันอยู่เสมอ

 

นอกจากนี้ยังมีการส่งต่อ Challenge มากมายที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานร่วมสร้างสรรค์และดัดแปลงคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับ Challenge นั้นตามสไตล์ของตนเอง จนอาจเรียกได้ว่า นี่คือสมรภูมิแห่งความครีเอทีฟเลยก็ว่าได้ ในขณะเดียวกันองค์กรมากมายก็ยื่นมือมาคว้าโอกาสทำ Challenge Marketing ที่จะช่วยสร้าง Engagement ระหว่างองค์กรและลูกค้า

ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเสื้อผ้า อาหาร วงการเพลง บิวตี้ หรือแม้กระทั่งดูดวง ก็พร้อมใจกระโจนเข้ามาจับจองพื้นที่บน TikTok เพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม Young Generations ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มาแรงมากในช่วงนี้

 

เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเปิดทางให้เหล่าองค์กรธุรกิจก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดของแวดวงนั้น เราจึงเห็นบริการใหม่ ๆ มากมายที่เข้ามาเพื่อแย่งชิงพื้นที่และเวลาของเราอยู่ตลอด องค์กรจึงไม่ควรมองข้ามที่จะศึกษาความคาดหวังของผู้รับสารควบคู่ไปกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งทัศนคติและพฤติกรรม เพื่อที่จะปรับตัวตอบสนองความต้องการของพวกเขา ก่อนที่จะสูญเสียผู้ใช้งานและถูกแพลตฟอร์มอื่นแย่งชิงพื้นที่ไป

 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566